Special Tips

ย้อนอดีต รถซีดานยุค90 ที่ยังน่าเล่นในปัจจุบัน ราคา “หลักหมื่น” !!! จับใช้ จับแต่ง ใช้งานคุ้มค่า

สำหรับกระแสรถ 90 ก็ยังคงแรงอยู่ ณ ตอนนี้ ก็เหมือนกับการนำรถยอดฮิตในยุคนั้นกลับมาใช้ หรือ กลับมาแต่งกันอีกครั้ง ก็เหมือนกับกระแส Retro พวกรถปี 80 ลงไป จนถึง 60 พวก “ปีลึก” ทั้งหลาย พอตัวรถเริ่มหายาก อะไหล่หายากและแพงโคตร ความนิยมก็เลยถอยลงเพราะเล่นกันไม่ไหว คงมีเฉพาะกลุ่มคนมี “กะตังค์” เหลือๆ ที่จะหาเสกมาเล่นกันได้ แต่กับคนทั่วไปที่งบประมาณจำกัดก็ต้องยุติไป ก็เลยมาปลุกกระแสรถยุค 90 กัน เพราะยังพอหาได้ ไม่เก่าเกินไปนัก และเป็นรถที่ยัง “ร่วมสมัย” ในปัจจุบัน ก็เป็นกระแสที่มาแรง ณ ตอนนี้ ซึ่งก็จะแบ่งเป็นเหล่า “รถสปอร์ต” โดยมากก็จะเป็นสาย “ญี่ปุ่น” ส่วนสาย “ยุโรป” ก็มี แต่รถพวกนี้ “แพงและหายาก” คงไม่เหมาะสำหรับคนทั่วไปที่ทั้ง “เล่นและใช้งาน” ซึ่งเราจะมาพูดถึงรถยุค 90 อีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งเป็นรถบ้านที่ “ไม่แพง” และ “ยังเล่นได้” โดยไม่ลำบากชีวิตและกระเป๋าตังค์นัก และสามารถแต่งไว้ใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างสะดวกสบายอีกด้วย น่าสนแล้วสิ ใครอยากได้รถยุค 90 ราคากันเอง คุ้มค่าในการลงทุน ก็ล้อมวงกันเข้ามา

 

รถยุค 90 ทำไมมันดีจัง ทำไมมันดีกว่าคนอื่นเขา “ตรงไหน” ???

            สำหรับรถในยุค 90 เป็นรถในรูปแบบที่ร่วมสมัย เริ่มมีสิ่งที่ทันสมัยเข้ามา เช่น เครื่องยนต์หัวฉีด ทวินแค็ม เทอร์โบ วาล์วเยอะวาล์วแยะ วาล์วแปรผันปันใจอะไรก็ว่าไป เรียกว่ามีสมรรถนะที่เร้าใจ เครื่องบล็อกแรงๆ จากพวกตัวนอกก็มีให้เลือกเยอะตามความพอใจและตังค์ในกระเป๋า ระบบช่วงล่าง เบรก ที่เริ่มจะพัฒนามาสู่ยุคใหม่ ซึ่งในตอนนั้นบริษัทรถยนต์ก็ผลิตมาแข่งกันอย่างหนัก พยายามทำให้รถตัวเองมี Unique หรือ “จุดขาย” ที่น่าจดจำในแต่ละรุ่น (ผิดจากสมัยนี้ที่ผลิตลดต้นทุน ทำเหมือนๆ กันหมด เลยไม่ค่อยมีเอกลักษณ์เป็นส่วนตัว) ตัวรถก็ยังพอจะหาสภาพดีๆ หน่อยได้ และเหมาะกับการ “ปรับปรุงเพื่อใช้งาน” เพราะระบบต่างๆ ในตัวรถยังไม่ทันสมัยจัดเกินไป ยังเป็นระบบที่ค่อนข้างง่ายๆ พื้นๆ ช่างทั่วไปก็ทำได้ รถใช้ต่างจังหวัดก็ดีเพราะพวกนี้ไม่ค่อยจุกจิก ถ้าเป็นรุ่นใหม่ๆ มีอะไรก็ “เข้าศูนย์” อย่างเดียว

ข้อดีอีกอย่าง คือ “จับพี่ผสมน้อง” ได้เกือบหมด อย่าคิดเป็นอื่นไกล รถยุคนั้นจะมีพวก “ตัวนอก” ที่เป็นเวอร์ชั่นสปอร์ต แต่พื้นฐานเหมือนกับรถบ้านเรา ยกตัวอย่าง “COROLLA” บ้านเรา กับ “LEVIN” ตัวนอก ถ้าเป็นซีรีส์เดียวกัน สามารถเอาเครื่อง ช่วงล่าง เบรก ภายใน (บางอย่าง) มาใส่กับรถบ้านเราได้เลยโดยไม่ต้องดัดแปลง อันนี้ก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่ง ทำให้ตอนนั้นรถยุค 90 นิยมกันมากๆ เพราะมัน “แต่งง่าย” แต่ถ้าเป็นรถยุค Retroจะหารถสภาพดีๆ ได้ยาก เพราะด้วยอายุของมันก็จะ 40 ปี เข้าไปแล้ว เหล็กมันก็หมดสภาพไปตามกาลเวลา เครื่องยนต์เดิมๆ ก็เป็นระบบเก่า กำลังน้อย แต่ดีได้เรื่อง “อึด” เพราะคาร์บูเรเตอร์มันไม่มีอะไรมาก ระบบช่วงล่าง เบรก ถ้าเป็นรถเกรดบ้านๆ ทั่วไป อย่าง COROLLA, SUNNY ก็จะสร้างมาง่ายๆ ราคาถูก “ไม่มีอะไรเลย” การเกาะถนนและความนุ่มนวลก็จะสู้รถที่พัฒนาระบบใหม่ๆ ไม่ได้ จะเอาให้ดีก็ต้องแปลงกันเยอะหน่อย และ “ไม่เหมาะกับการใช้งานทั่วไปทุกวัน” เพราะอะไหล่มันก็หายากแล้ว คนส่วนใหญ่เลยหันมาเล่นรถ 90 ที่ต่อยอดได้อยู่ ส่วนตัวรถมีอะไรน่าเล่นบ้าง ห้ามพลาดครับ

 

HONDA CIVIC EG

            จริงๆ แล้ว ตัว EG นั้นได้รับความนิยมสูงสุดตลอดกาล โดยเฉพาะตัว 3 ประตู ที่ฮอตฮิตกันมาก ซึ่งตอนนี้ตัวรถถ้าสวยๆ ราคาก็ “8-9 หมื่น” ก็ถือว่าโชคดีแล้วถ้าเจอ แพงหน่อยก็ขึ้นไปจนถึง “หลักแสน” ถ้ารถแต่งมีของก็ว่ากันไป ของ9เทพก็หลายแสน ไปยัน “หลักล้าน” ซึ่งตรงนั้นเกินความจำเป็นของการใช้งานด้วย แต่ถ้าใครอยากจะเอาไว้ใช้งานในแบบครอบครัวด้วย ก็หา 4 ประตู มาทำก็ได้ ถ้าจะแต่งตัวนอกก็ต้องเป็น FERIO เครื่อง B16 DOHC VTEC ตัวท๊อป ซึ่งตอนนี้ก็เริ่มแพงแล้วเพราะกระแสฮิต แต่ยังไม่โหดเท่า 3 ประตู เบาะตุ๊กแก ตัวรถก็จะมีตั้งแต่ LX, EX เครื่อง D15 คาร์บูเรเตอร์ เกียร์ธรรมดาและออโต้ตามลำดับ แต่ถ้าใจเย็นๆ ให้หารุ่นถัดมา จะเป็นเครื่อง D15B “หัวฉีด” พวก LXi, EXi ก็จะทันสมัยขึ้นมา เครื่องใช้ได้เลย วิ่งดี ประหยัด แล้วก็จะมีอีกรุ่นถ้าเจอนะ VTi-E ภายในสีม่วง เครื่อง D15B VTEC จากโรงงาน ดิสก์เบรก 4 ล้อ เรียกว่ามาครบถ้วนเลย ตอนนั้นขายได้ไม่มากนักเพราะราคาตัวรถจำได้ว่ามันขี่กับ ACCORD หน้าฉลาม ไฟก้อนเดียว ก็เลยไม่ค่อยมีคนซื้อ แต่ถ้าหาสภาพสวยๆ ราคาไม่สูงได้ก็ถือว่าฟลุกไปครับ

สำหรับการแต่ง คงไม่ต้องสาธยายกันมาก เพราะใครก็รู้ว่าต้องแต่ง CIVIC ยังไง จริงๆ แล้วถ้าจะใช้งานก็ไม่ต้องแต่งอะไรมาก ทำของเดิมๆ ให้ดูสวยงามก็เพียงพอแล้ว เพราะตัวรถมันมีเสน่ห์อยู่ สไตล์ 90 ก็จะเรียบๆ เนียนๆ “คลีนๆ” ล้อสวยๆ ชุดหนึ่ง ใส่โช้คอัพดีๆ หน่อยก็เพียงพอ เพราะถ้าเล่นของ JDM ตามกระแสรับรองว่า “จุก” พรรคพวกกันซื้อรถมา 8 หมื่นกว่า รถมีภายในอิฐดำมาแล้ว เปลี่ยนเครื่อง D15B VTEC อุปกรณ์ต่างๆ ขนาดคัดเท่าที่จำเป็น เบ็ดเสร็จโดนไป “สามแสนกว่า” ก็ต้องหารถที่ทำมาเรียบร้อยหน่อย ถ้าปั้นเองก็คงจะเหนื่อยพอดู แต่ถ้าไม่เล่น EG จะลองหันไปเล่น EK “ตาโต” 4 ประตู ก็ได้นะ ตัวรถราคาถูกแถวๆ 6-7 หมื่น ก็ได้สภาพดีๆ แล้ว เครื่องเดิม D16YVTEC ขับสนุก จี๊ดจ๊าดใช้ได้ กระแสไม่แรงเท่า EG ราคาเลยไม่สูง แต่ถ้าเป็น Coupe ก็จะต้องมีแถวๆ “แสนปลาย” ถึง “สองแสน” แล้วแต่จะเลือก

COROLLA AE100-101

จริงๆ แล้วรถยุค 90 มันมีตัวเลือกเยอะมากนะครับ ถ้าลงหมดนี่คงไม่ต้องเขียนอย่างอื่นกันเลยทีเดียว ผมขอ “คัดรุ่นนิยม” มาก็แล้วกันนะครับ ยอดนิยมสุดๆ ใช้งานดี คุ้มค่า ราคากันเอง คงไม่พ้น “สามห่วง ทนหายห่วง” ผ่านการทดสอบจากพี่ๆ TAXI ทั้งหลายมาแล้วว่า “ผ่าน” โดยเฉพาะเครื่อง 4A-FE นั้นโคตรมหาอึดจริงๆ ดีไซน์ตัวรถดูร่วมสมัย ไม่เชย ตัวถังกว้าง นั่งสบาย ทำให้ฐานล้อกว้างตามไปด้วย ช่วยเรื่องการเกาะถนนที่ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนๆ อย่างชัดเจน ภายในก็ทันสมัย คอนโซลกลางหันหาคนขับ เกจ์วัดก็เป็นแบบเข็มสีแดงดูสปอร์ต นั่งสบาย กว้างขวางเกินคำว่า COROLLA เรียกว่าจบเลยสำหรับรถครอบครัวหรือจะสายโสดก็ตามแต่

อะไหล่ตัวรถก็เยอะ มีทั้งของแท้ ของเก่าญี่ปุ่น ของเทียมแท้ๆ แท้ๆ เทียมๆ เกรด A-B-C อะไรก็ไม่รู้เยอะแยะไปหมด ไม่แพงครับ เครื่องยนต์ก็มีให้เลือกหลากหลาย ถ้าเครื่องเดิมยังดี และเน้นใช้งาน ไม่ซิ่ง ก็ยังใช้ได้ หรือจะเอา 7A-FE1.8 หรือที่เรียกว่าเครื่อง “ไฮทอร์ค” มาใส่ก็ดี ขับง่ายและประหยัดขึ้น อยากแรงแบบขับสนุก ก็นี่เลย 4A-GE 20 วาล์ว “ฝาดำ” 165 แรงม้า พอเหลือๆ เล่นรอบมันส์ๆ ขับใช้งานได้ทุกวัน (ราคาเครื่อง ราคาอะไหล่ ของแต่งต่างๆ รบกวนสอบถามกันเองนะครับ เพราะมันมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา) ถ้าจะสายบ้าพลังจริงๆ ก็ลง 3S-GTE จาก MR2 กันเลย พลังขนาด 245 แรงม้า กับบอดี้ AE100 สามารถพาท่านได้ “เสียว” ตลอดเวลาแน่นอน ต้องทำช่วงล่างกับเบรกถึงๆ คนขับก็ต้องถึงๆ หน่อยเหมือนกัน เพราะที่เคยลองก็ไม่เชื่องนักถ้าเป็นรถขับหน้าเครื่องแรงๆ ขนาดนี้

พูดถึงความนิยม คนส่วนใหญ่จะเล่นกับ AE101 “ไฟเลี้ยวขาว” เป็นไมเนอร์เชนจ์ หน้าตามันจะสวยกว่า AE100 เรียกว่าหาของใหม่ๆ ใสๆ เดิมๆ มาใส่ก็หล่อแล้ว ไม่ต้องทำอะไรเลยก็ยังได้ สำหรับของแต่งบอดี้ ไอ้รุ่นนี้มันมีตัวนอกเยอะรุ่นมากมาย จะเป็น COROLLA ตัวนอก หรือ SPRINTER ก็มีหลายเวอร์ชัน ตัว CARIB รถ Wagon เรียกว่าแปลงได้ทั้งหน้าทั้งท้าย มันมีหลายเวอร์ชั่นจริงๆ ครับ ก็สามารถเลือกแต่งได้หลากหลาย แต่ของนอกตอนนี้ก็อาจจะแพงๆ หน่อยเพราะมันเริ่มจะหายาก รถในญี่ปุ่นก็หมดรุ่นไปนานแล้ว ถ้ามีงบประมาณกับเวลาก็ยังพอหาของได้อยู่

HONDA ACCORD “ตาเพชร”

มาถึงรถในตำนานยุคนั้นอีกรุ่นหนึ่ง ซึ่งเป็นรถขนาดกลางที่หรูหราของค่าย HONDA ก็คือรุ่น “แอคคอร์ด ตาเพชร” ที่มีทรวดทรงปราดเปรียว ดูยาวๆ หน่อย แต่ไม่เทอะทะเก้งก้าง ยุคก่อนนั้นก็มีทั้ง “สายแรง” อย่างคันในตำนาน ลูกค้าของร้าน EMOTION R วาง H22A สมัยนั้นต้องเซ็ตเทอร์โบที่ “อู่น้อย ELEVEN” ส่วนกล่องก็เป็น MOTEC จูนโดย “ดอน โมเทค” ที่ตอนนี้เป็นมือจูนรถแข่งระดับชาติไปแล้ว คันนี้โด่งดังมากเพราะ “แรงเข้าขั้น” ส่วน “สายหล่อ” ก็จะเน้น “รถเตี้ย” กับ “ล้อโต” ยุคนั้นก็ต้องล้อขอบ 17 นิ้ว ของ BBS รุ่น RS หรือ “ลายสิ้นคิด” ที่สมัยนั้นเขาเรียกกัน ซึ่งขอบ 17 นิ้ว ตัว Rim มันจะใหญ่ ทำให้ดูสวยงามเต็มซุ้ม หรือไม่ก็ต้อง “RIAL MESH” หรือ “เรียลออฟลึก” ใครๆ ก็ต้องใส่กัน ใส่แล้วต้องทำล้อแบะ ติดก็ตัด ดัด ยัดเข้าไปจนได้ ตอนนั้นคันที่เตี้ยมากๆ ก็ของ “คุณบอย สรวงศ์ เทียนทอง” ทีม ZIGGY นั่นเอง เรียกว่าวัดกันที่ “ซองบุหรี่ตะแคง” กันเลย

สำหรับเจ้าตาเพชรนี้ ปัจจุบันก็ยังพอหาสภาพเดิมๆ ได้ แต่ต้องใจเย็นหน่อยเพราะรถมันก็ผ่านร้อนผ่านฝนกันมาเยอะแล้ว ถ้าเป็นรุ่นแรกๆ ก็จะเป็น “ไฟท้ายยาว” ติดกันเป็นแผง มีรุ่น “คาร์บูเรเตอร์” เช่น LX, EX ล้อเป็นกระทะขอบ 14 นิ้ว ส่วนรุ่น “หัวฉีด” ก็จะมี i “ไอ” ต่อท้าย จะเป็นล้อแม็ก 15 นิ้ว มีดิสก์เบรกหลัง ส่วนที่หากันตอนนี้ ก็จะเป็น “ไมเนอร์เชนจ์ ไฟท้ายสั้น” แนะนำให้เล่นรุ่นนี้เพราะรถมันจะสดใหม่และหาง่ายกว่า กันชนหน้า กระจังหน้า ไม่เหมือนกับรุ่นก่อน ไฟท้ายเปลี่ยนทรง ไฟทับทิมแผงกลางสั้นดูแปลกตา ถ้าจะเอาของตัวนอกใส่ก็สวยไปอีกแบบ ก็มีทั้งรุ่นหัวฉีด และ คาร์บู เหมือนกัน ถ้าจะให้จบ เน้นใช้งาน ก็เอารุ่นหัวฉีดมาเลยจบ แต่ถ้าไม่สนเครื่องเดิม “อะไรก็ได้” ขอให้ตัวรถกับภายในสภาพดีพอ เพราะเอามาเปลี่ยนเครื่องได้บานเบอะ เช่น H22A DOHC VTEC 200 แรงม้า หรือไม่ก็ F20B DOHC VTEC กี่ม้าจำไม่ได้ ก็ขับสนุกขึ้นเยอะแล้ว แต่ตัวหายากก็จะเป็น “ประกอบนอก” คือ “EXi-S” รถสีดำ มีคิ้วโครเมียม กระจกสีชา มีเข้ามาขายอยู่ช่วงสั้นๆ ถ้าเจอสภาพดีๆ ได้ก็รีบสอยเลยครับ สำหรับราคา ตัวปกติจะเฉลี่ยอยู่ “หกหมื่นถึงเจ็ดหมื่น” สภาพดีๆ แห้งๆ หน่อย นับว่าเป็นรถที่ “จับต้องได้” นั่งสบาย ขับดี ปลอดภัยในรูปแบบของรถขนาดกลาง

MITSUBISHI LANCER E-CAR และ ท้ายเบนซ์

สำหรับรถในตำนานที่จะพลาดไม่ได้อีกรุ่นหนึ่ง ก็นี่แหละครับ “อีคาร์” ออกมา 4 รุ่น คือ 1800 GTI, 1600 GLXi, 1600 GLXi Auto, 1500 GLX (คาร์บูเรเตอร์) และ 1300 GLที่สมัยก่อนฮิตกันมาก เนื่องจากว่ามีอิทธิพลมาจากตัว EVOLUTION III ตัวแรงที่ใครๆ ก็รู้จัก คนก็เลยหา อีคาร์ มาแต่งกัน ใส่ชุดพาร์ท EVO III ก็หล่อเหมือนกันแล้ว (แต่สมรรถนะคนละเรื่อง) หรือถ้าอยากแรงก็ “ลอกคราบ” เปลี่ยนเครื่อง ช่วงล่าง เอาของมาสลับใส่ให้ครบ ก็จะเป็น EVO จำแลงแปลงกาย ถ้าทำดีๆ มันก็ได้อยู่ จึงเป็นที่นิยมกันมาก แต่ถ้าใครงบน้อยหน่อย ก็ “เครื่องเดิมเซ็ตโบ” หรือไม่ก็เครื่อง 4G93 Turbo ขับหน้า แต่จะขับยากหน่อยเพราะเพลาหน้ามันยาวไม่เท่ากันเป็นปกติของรถ แต่จะมีตัวหายาก ณ ตอนนี้ ก็คือ รุ่น 1800 GTI ที่เป็นเครื่อง 4G93 DOHC 140 แรงม้า จากโรงงาน ดิสก์เบรก 4 ล้อ ล้อ 9 ก้าน ขอบ 14 นิ้ว มีสปอยเลอร์หลัง มีลิ้นหน้าชุดเล็ก เรียกว่ามัน “เหมาะสม” จริงๆ ไอ้รุ่นนี้ทำออกมาเข่นกับ COROLLA AE92GTiแต่จะออกยุคหลังกว่าหน่อย ถ้าหา อีคาร์ ตัว 1800 GTI นี้ได้สวยๆ ล่ะ “แจ่มแมว” กันเลย

 

สำหรับแนวทางปรับแต่ง จริงๆ เก็บเดิมๆ เนียนๆ ล้อ 15 นิ้ว สวยๆ สักชุด ก็เพียงพอแล้ว ช่วงล่างนี่สบาย ใช้กับ EVO III ได้ แต่ต้องแปลงนิดหน่อย ส่วนเครื่องก็มีให้เลือกตามกำลังทรัพย์และน้ำหนัก Teen แต่ว่า ถ้าจะเอาขับสนุก 4G93 DOHC แบบ 1800 GTI ก็พอแล้ว เพราะรถมันเบา คันเล็ก แรงมากไปจะอันตราย และรุ่นนี้จะนิยมเลย คือ “หลังคาผุ” กระจาย

แต่ถ้าใครคิดว่า E-CAR เก่าไปหน่อย ก็ต้องขยับขึ้นมาเล่นกับ CK2-CK5 หรือ “ท้ายเบนซ์” ที่ใหม่กว่า ตัวเลือกก็เยอะกว่า ซึ่งเครื่องยนต์จะเป็น Gen ที่ใหม่ขึ้น “หันสลับด้านกับตัวอีคาร์” ใส่กันไม่ได้ ซึ่งตัวเครื่องยุคนี้จะมีความทันสมัย เพราะมันมีขายมาจนเกือบถึงปัจจุบันก่อนจะเปลี่ยนเป็น EX มีเครื่องแบบ MIVEC จาก MIRAGE ตัวนอก ซึ่งตอนนี้ราคาก็ไม่แพงเหมือน HONDA เกียร์ออโต้ INVEC-II พร้อม Steptronicเปลี่ยนเกียร์ได้เหมือนเกียร์ธรรมดา แต่พื้นฐานก็คล้ายๆ กัน ตัวรถก็มีให้เลือก CK2 เครื่อง 1500 ส่วนเวอร์ชั่นสองจะเป็น 1600 ส่วน CK5 จะเป็น 1800 ก็วิ่งดีใช้ได้ ช่วงล่างก็พัฒนาให้เกาะถนนและนิ่มนวลดีขึ้น ตัวรถมีความกว้างขวางมากขึ้น โดยรวมก็ยังเล่นได้สำหรับคนชอบค่ายมิตซู ราคารถก็ไม่หนีกันครับ แถวๆ 6-7 หมื่น มากน้อยกว่านี้แล้วแต่สภาพและปี

MAZDA 323 ASTINA

คงลืมไม่ได้แน่ๆ สำหรับน้อง “ติ๊นา” ที่เป็นตัวแซ่บในยุคนั้น ด้วยรูปลักษณ์แบบ “ไฟป๊อป” ที่ไม่ซ้ำใคร ทรวดทรงสปอร์ต Hatchback ยอมรับว่าเป็นรถที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองสูง เดิมก็สวย แต่งก็ยิ่งสวย ไม่ต้องทำอะไรมากเลย แค่ล้อสวยๆ ชุดหนึ่งก็พอ ตอนนั้นใส่ BBS RS ออฟลึกหน่อยก็ฮิตกัน เครื่องยนต์ BP 1800 ที่ให้ความจัดจ้าน ขับสนุกขับมันส์ ระบบช่วงล่างของ MAZDA ก็เซ็ตมาได้ดี หนึบสไตล์สปอร์ต ทำให้มีความนิยมสูง จะแรงก็ยกเครื่อง BP-TURBO ตัวนอกมาลงเลย ได้แรงม้าเฉียดๆ 200 ตัว แถมโมดิฟายเพิ่มได้อีก ยุคนั้นก็จะมีตัวแรงแข่งควอเตอร์ไมล์ ทีม MAXIMA ที่วิ่งอยู่หัวๆ ในปัจจุบัน ตัวรถสภาพสวยๆ เดิมๆ ค่อนข้างหายาก เพราะโดยมากก็โดนจับไปแต่งซิ่งยำกันจนไม่สวยซะแล้ว เว้นแต่เจอรถที่แต่งมาดีๆ แต่ก็ยากเพราะปีมันเก่า ตอนนั้นคนก็ไม่เก็บกันเพราะเห็นว่าตกรุ่นแล้วก็ใช้ๆ ให้พังไป เป็นที่น่าเสียดายเพราะถือว่าเป็นรถที่วัยรุ่นนิยมมาก ส่วนคู่แฝดก็จะเป็นตัวซีดาน มีพาร์ทรอบคัน สวยไปอีกแบบนะครับ เครื่องช่วงล่างเหมือน ASTINA แต่ก็หายากอีก ราคาตกเหลือ 4-5 หมื่น เผลอๆ จะไม่ถึงเอา ถ้าคนเจอรถสภาพเดิมๆ ไม่สวยแต่ไม่ถึงกับเน่า จะลองหามาเล่นก็ดีนะ แต่อะไหล่ตัวถังจะหายากหน่อย ต้องพิจารณาให้ดีก่อน

ถ้าจะอยากหาให้ง่ายขึ้น ก็ต้องขยับมาเป็นพวก “ตาตี่” ยังพอหาได้ ราคาก็แพงกว่าไม่มาก ได้รถปีใหม่กว่า ก็มีรุ่น 1800 และ 2000 V6 ดุมล้อ 5 รู ซึ่งตัว 1800 จะหาได้ง่ายกว่า ซึ่งตัว 2000 จะออกแนว “รถเก็บ” ซะมากกว่า ได้มาก็ปรับปรุงสภาพซักหน่อย ของแต่งก็ยังพอหาได้ ลองเข้าไปดูกลุ่มที่เล่นเฉพาะทางดู ก็ยังมีของวนเวียนอยู่บ้าง แต่อะไหล่บางอย่างก็ต้องใจเย็นๆ รอกันหน่อยเพราะมันไม่ได้แพร่หลายเหมือน HONDA หรือ TOYOTA ถ้าชอบก็จัดไป เครื่องก็มีให้เลือกหลายแบบ ตั้งแต่ BP-Turbo ไปจนถึงเครื่อง V6 2500 ที่อยู่ใน CRONOS ตัวนอก แล้วแต่ว่าจะเอาแรงแบบเทอร์โบจี๊ดๆ หรือ แรงพอดีแบบนุ่มนวล

NISSAN SUNNY B14

ปิดท้ายกันกับค่าย “เพื่อนที่แสนดี” ด้วย “พระอาทิตย์ดวงที่สอง” หลังจากที่หมดยุค SUNNY B11 ก็มา SENTRA RZ-1 แล้วก็มายุค 90 ต้นๆ คือ SENTRA B13 แต่ด้วยรูปทรงของมันเรียบๆ ก็เลยไม่โดนใจวัยรุ่นเท่าไร แต่พอ B14 ออกมา ตอนแรกก็เฉยๆ นะ แต่ว่าตอนนั้นมีการแข่งขันรถ Class 2 รายการ South East Asia Touring Car ซึ่ง SUNNY ตัวนี้แหละก็ลงแข่งในเมืองไทย น่าจะเป็น “Charles Kwan” เป็นคนขับถ้าจำไม่ผิด คนก็เลยติดภาพรถแข่งมาแต่งรถจริง ก็แต่งกันเตี้ยๆ กดจน “อมแม็ก” ชายล่างแทบลากพื้น อย่าถามนะว่า “นั่งนิ่มไหม” ก็แต่งกันอยู่ไม่มาก เพราะส่วนใหญ่นิยมสาย H และ T และ M มากกว่า บางคนอยากแรงก็เอามาวาง SR20DE ขับหน้า 140 แรงม้า จนไปถึง SR20DET เทอร์โบ ให้หนำใจกันไปเลย แต่มันก็ไม่เชื่องนะ มือไม่ถึงอย่าริได้ห้าวเชียว

สำหรับรถมือสอง ค่ายนี้ต้องทำใจในเวลา “ขาย” เพราะ “ราคากดเยอะ” ส่วนคนที่ชอบจริงๆ ก็จะดีหน่อยเพราะ “ได้ถูก” ตัวปี 1995 แรกๆ ราคาหน้าเต็นท์อยู่แถวๆ “หกหมื่น” ถ้าเจอเจ้าของขายเองอาจจะได้ “ห้ากว่า” ก็ได้ ส่วนตัวปีท้ายๆ 1999-2000 ที่ไมเนอร์เชนจ์มาอีกรอบ กระจังหน้าโครเมียมซี่ตั้ง เรือนไมล์ขาว ภายในหนังแท้ (แต่ไม่ทั้งคัน) มีลายไม้ ราคาก็แถวๆ “8-9 หมื่น” เพราะอาศัยว่าข้ามมาปี 2000 มันยังพอร่วมสมัยได้ แต่รุ่นนี้จะมีจุดอ่อนหลักเลย คือ “ระบบแอร์โฟล์ว” เครื่อง GA16DE บ้านเราไม่เหมือนกับญี่ปุ่นเลย หายาก แพง แต่อย่ากังวลไป ถ้ารถมันยังวิ่งปกติ ก็ใช้ไป แต่ถ้ามีอาการ “เบาดับบ่อย” หรือไปเจอรถที่ “ตั้งรอบเดินเบาไว้สูงผิดปกติ” ตอนถอนคันเร่งมีวูบๆ แกว่งๆ นั่นแหละครับเริ่มออกอาการแอร์โฟล์วเดี้ยงแล้ว บางคนก็เปลี่ยนเครื่อง GA15DE ตัวนอกลงไปเลยจบกว่า ยอมแรงน้อยลงนิดหนึ่ง แต่ได้ลูกประหยัดขึ้น หรือจะเล่น SR20DE ก็แล้วแต่พระเดชพระคุณ

บทสรุป คันไหนน่าใช้สำหรับคุณ ???

เรียกว่าจัดกันมาชุดใหญ่นะครับ สำหรับรถญี่ปุ่นขนาดเล็กยอดฮิตยุค 90 ที่ตอนนี้ยังสามารถซื้อหามาปรับปรุงเพื่อใช้งานได้ โดยที่มีค่าตัวไม่แพง ระบบต่างๆ พื้นๆ ไม่ซับซ้อน ไม่ลำบากเวลาใช้งานแล้วเกิดต้องซ่อมขึ้นมา ยังมีอะไหล่หาซื้อได้ค่อนข้างง่าย ถ้านำมาปรับปรุงดีๆ หน่อย ก็ยังจะใช้ไปได้อีกนาน เหมาะสำหรับคนที่กำลังสร้างเนื้อสร้างตัว อยากได้รถสักคันไว้ใช้งานจริงๆ ที่รองรับ “ครอบครัวเดี่ยว” ได้สบาย หรือจะแต่งก็ไม่ต้องใช้งบประมาณเยอะ ก็จะเป็นรถเหล่านี้แหละครับที่ผมเลือกมาให้ท่านได้อ่านและตัดสินใจเลือกซื้อกันตามความพึงพอใจ ท่านเป็นคนเลือก เงินท่าน ท่านก็ต้องใช้เอง จึงต้องหาคันที่ถูกใจที่สุด ไม่ใช่เลือกตามกระแสหรือแรงยุจริงไหมครับ

By:เค ไชยรัตน์ ไพศาลธนจิตร

Most Popular

To Top