รีวิวรถ

ไทรอัมพ์ “Tiger 800 XRT” และ “Tiger 800 XCA” แข็งแกร่ง ปราดเปรียว พร้อมลุยทุกการผจญภัย

ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ เปิดสมรรถนะสุดยอดรถมอเตอร์ไซค์ไทรอัมพ์แอดเวนเจอร์แอนด์ทัวร์ริ่งแห่งปี 2018 ได้แก่ ไทเกอร์ 800 เอ็กซ์อาร์ที (ALL NEW Tiger 800 XRT) และ ไทเกอร์ 800 เอ็กซ์ซีเอ (ALL NEW Tiger 800 XCA) โฉมใหม่ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 3 สูบเรียงอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ขนาด 800 ซีซี ที่ได้รับการพัฒนาและปรับปรุงครั้งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นโครงรถเละเครื่องยนต์ที่ได้รับการอัพเกรดมากกว่า 200 รายการ รวมถึงระบบขับเคลื่อนที่ยอดเยี่ยมขึ้น เพื่อมอบความสะดวกสบายและสมรรถนะในการขับขี่แบบออฟโรดที่ดียิ่งขึ้นกว่าที่เคยมี เพื่อเติมเต็มความสมบูรณ์แบบของทุกการผจญภัย โดย ไทเกอร์ 800 เอ็กซ์อาร์ที มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Silver Ice, Crystal White และ Matt Cobalt Blue ราคา 645,000 บาท และ ไทเกอร์ 800 เอ็กซ์ซีเอ มีให้เลือก 3 สี ได้แก่  Korosi Red, Crystal White และ Marine ราคา 665,000 บาท

รถมอเตอร์ไซค์ไทรอัมพ์ตระกูลแอดเวนเจอร์แอนด์ทัวร์ริ่ง รุ่น ไทเกอร์ 800 เอ็กซ์อาร์ที (ALL NEW Tiger 800 XRT) และ ไทเกอร์ 800 เอ็กซ์ซีเอ (ALL NEW Tiger 800 XCA) โฉมใหม่ล่าสุดได้รับการพัฒนาและปรับปรุงครั้งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น โครงรถและเครื่องยนต์ที่ได้รับการอัพเกรดมากกว่า 200 รายการ และระบบขับเคลื่อนที่ยอดเยี่ยมขึ้น เพื่อส่งมอบความสะดวกสบายตลอดจนสมรรถนะในการขับขี่บนท้องถนนทั่วไปและแบบออฟโรดที่ดียิ่งขึ้น เพื่อเติมเต็มความสมบูรณ์แบบของทุกการผจญภัย

สำหรับโฉมใหม่ของ “ไทเกอร์ 800 เอ็กซ์อาร์ที” (ALL NEW Tiger 800 XRT) มาพร้อมเครื่องยนต์สามสูบเรียงอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะขนาด 800 ซีซี ให้แรงม้าสูงสุดที่ 95 แรงม้า ที่ 9,500 รอบต่อนาที ขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์ 6 สปีด นอกจากนี้ยังได้รับการพัฒนาเทคโนโลยีและสมรรถนะในส่วนสำคัญๆ หลายส่วนเพื่อเพิ่มความสามารถต่อการขับขี่บนถนนและออฟโรด ใช้งานง่าย ปราดเปรียว ตลอดจนการเสริมแต่งสไตล์และรูปลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว อาทิ แผงหน้าปัด TFT แบบ Full Colour ขนาด 5 นิ้ว กระจกหน้ารถแบบปรับได้ 5 ตำแหน่ง และ Aero Diffuser เพื่อการป้องกันลม รวมถึงส่วนประกอบเบาะแบบใหม่ที่ให้ความสบายในการขับขี่ทั้งวัน นอกจากนี้ยังมีโหมดการขับขี่ให้เลือกมากถึง 5 โหมด ได้แก่ Road, Rain, Sport, Off-Road และ Rider รวมทั้งปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วยเบรกหน้ามาตรฐานสูงของ Brembo รวมถึงรูปแบบของระบบกันสะเทือนที่ปรับแต่งมาให้ดีที่สุดจาก Showa ล้อหน้าและหลังเป็นล้อหล่ออะลูมิเนียม โดยล้อหน้ามาพร้อมยาง Metzeler Tourance ขนาด 19 นิ้ว และล้อหลังขนาด 17 นิ้ว และเดินทางไกลได้ยาวนานด้วยถังน้ำมันใหญ่ขนาด 19 ลิตร ด้านรูปลักษณ์และเทคโนโลยีอัดแน่นด้วยคุณสมบัติมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ปุ่มสวิตช์ที่แฮนด์บังคับเลี้ยวและจอยสติ๊กควบคุม 5 ทิศทาง ซึ่งมาพร้อมกับปุ่มกดเรืองแสงที่ช่วยให้ใช้งานกลางคืนง่ายยิ่งขึ้น และมีระบบสัญญาณไฟ LED ทุกดวงอันโดดเด่นรอบคัน

 

 

 

 

นอกจากนี้ยังจัดเต็มด้านเทคโนโลยีที่เป็นส่วนสำคัญต่อการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็น ระบบ ABS ระบบคันเร่งไฟฟ้า (Ride-by-Wide) ระบบควบคุมความเร็วคงที่ด้วยปุ่มเดียว (Cruise Control) ระบบควบคุมการยึดเกาะถนนแบบปรับได้ (Traction Control) มีคลัตช์ช่วยผ่อนแรงยามขับขี่ รวมถึงปลอกมือบิดและที่นั่งอุ่นไฟฟ้า ความสูงที่นั่งแบบปรับได้ ตลอดจนช่องเสียบอุปกรณ์ไฟฟ้าขนาด 12 โวลต์ และ USB เพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย และระบบป้องกันการโจรกรรม เป็นต้น อีกทั้งการอัพเดทระบบควบคุมความเร็วคงที่ การปรับปรุงโครงรถ งานตัวถังระดับพรีเมี่ยมที่เคลือบผิวสีคุณภาพสูงพร้อมการออกแบบแผงข้างแบบใหม่ การตกแต่งรายละเอียดต่างๆ เพื่อเพิ่มความโดดเด่นให้รถมากยิ่งขึ้น รวมถึงยังมีระบบไอเสียที่มีลักษณะเฉพาะและมีน้ำหนักที่เบาขึ้นให้เสียงที่เป็นสปอร์ตมากขึ้น พร้อมมีอัตราทดเกียร์ 1 แบบใหม่ที่สั้นลงเพื่อเพิ่มแรงยึดเกาะแบบออฟโรด ตลอดจนการตอบสนองที่ความเร็วต่ำและการเร่งในทันทีบนทุกสภาพถนน

โดยไทเกอร์ 800 เอ็กซ์อาร์ที มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Silver Ice, Crystal White และ Matt Cobalt Blue ราคา 645,000 บาท

ส่วนในรุ่น  “ไทเกอร์ 800 เอ็กซ์ซีเอ” (ALL NEW Tiger 800 XCA) โฉมใหม่ มาพร้อมเครื่องยนต์เฉพาะแบบสามสูบเรียงของไทรอัมพ์ขนาด 800 ซีซี ที่ตอบสนองได้ทันใจยิ่งขึ้น ให้แรงม้าสูงสุดที่ 95 แรงม้า ที่ 9,500 รอบต่อนาที ขับเคลื่อนคล่องแคล่วด้วยระบบเกียร์ 6 สปีด พร้อมการพัฒนาเทคโนโลยีและสมรรถนะในส่วนสำคัญๆ หลายส่วนเพื่อเพิ่มความสามารถต่อการขับขี่บนท้องถนนทั่วไปและทางออฟโรด (Off-Road) โดยมีโหมดการขับขี่ให้เลือกมากถึง 6 โหมด ได้แก่ Road, Rain, Sport, Off-Road และ Rider และเพิ่มโหมดการขับขี่ Off-Road Pro แบบใหม่ เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่สไตล์ออฟโรดที่ยอดเยี่ยมที่สุดกว่าที่เคยมีมา ด้านรูปลักษณ์โดดเด่นมากขึ้นด้วย แผงหน้าปัด TFT แบบ Full Colour ขนาด 5 นิ้ว กระจกหน้ารถแบบปรับได้ 5 ตำแหน่ง และ Aero Diffuser เพื่อการป้องกันลม ด้านเทคโนโลยีจัดเต็มด้วยปุ่มสวิตช์ที่แฮนด์บังคับเลี้ยวและจอยสติ๊กควบคุม 5 ทิศทาง ซึ่งมาพร้อมกับปุ่มกดเรืองแสงที่ช่วยให้ใช้งานกลางคืนง่ายยิ่งขึ้น มีระบบสัญญาณไฟ LED เฉพาะตัวที่โดดเด่น รวมถึงไฟตัดหมอก LED ตลอดจนมั่นใจในความปลอดภัยขณะขับขี่ยิ่งขึ้นด้วยเบรกหน้ามาตรฐานสูงของ Brembo รวมถึงระบบกันสะเทือนที่มีระยะยุบตัวสูงเพื่อการขับขี่แบบออฟโรดจาก WP พร้อมลุยทุกเส้นทางด้วยยาง Bridgestone Battlewing ล้อหน้าซี่ลวดขนาด 21 นิ้ว และล้อหลังซี่ลวดขนาด 17 นิ้ว รวมทั้งถังน้ำมันขนาดใหญ่ที่มีความจุ 19 ลิตรที่ช่วยให้เดินทางไกลได้อย่างมั่นใจ

 

 

ด้านเทคโนโลยีที่เป็นส่วนสำคัญต่อการขับขี่แบบผจญภัยอัดแน่น อาทิ ระบบ ABS ระบบคันเร่งไฟฟ้า (Ride-by-Wide) ระบบควบคุมความเร็วคงที่ด้วยปุ่มเดียว (Cruise Control) ระบบควบคุมการยึดเกาะถนนแบบปรับได้ (Traction Control) มีคลัตช์ช่วยผ่อนแรงระหว่างการขับขี่ทางไกล รวมถึงมีปลอกมือบิดและที่นั่งอุ่นไฟฟ้าพร้อมความสูงที่นั่งแบบปรับได้ มีช่องเสียบไฟขนาด 12 โวลต์ พร้อมช่องเสียบ USB เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในทุกการเดินทาง และระบบป้องกันการโจรกรรม อีกทั้งการอัพเดทระบบควบคุมความเร็วคงที่ การปรับปรุงโครงรถ ตลอดจนงานตัวถังระดับพรีเมี่ยมที่เคลือบผิวสีคุณภาพสูงพร้อมการออกแบบแผงข้างแบบใหม่ รวมถึงการตกแต่งรายละเอียดต่างๆ เพื่อเพิ่มความโดดเด่นให้รถมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ยังมีระบบไอเสียที่มีลักษณะเฉพาะและมีน้ำหนักเบาที่ส่งมอบเสียงเครื่องยนต์สามสูบที่เร้าใจมากยิ่งขึ้น พร้อมอัตราทดเกียร์ 1 แบบใหม่ที่สั้นลงเพื่อเพิ่มแรงยึดเกาะแบบออฟโรด ตลอดจนการตอบสนองที่ความเร็วต่ำและการเร่งในทันทีบนทุกสภาพถนน ทั้งหมดนี้ช่วยตอบสนองความตื่นเต้นเร้าใจเพื่อผู้ขับขี่อย่างแท้จริง

โดย ไทเกอร์ 800 เอ็กซ์ซีเอ มีให้เลือก 3 สี ได้แก่  Korosi Red, Crystal White และ Marine ราคา 665,000 บาท

อย่างไรก็ตาม “ไทเกอร์ 800 เอ็กซ์อาร์ที” และ “ไทเกอร์ 800 เอ็กซ์ซีเอ” โฉมใหม่ล่าสุดนี้ ยังมีชุดแต่ง “Expedition” ซึ่งช่วยเติมเต็มความเป็นทัวร์ริ่งให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น โดยประกอบไปด้วยกระเป๋าเก็บสัมภาระสีดำพร้อมชุดรางติดตั้ง กล่องเก็บสัมภาระติดท้ายรถสีดำ เบาะพนักพิง แผ่นยางติดถังน้ำมันสำหรับป้องกันรอยขีดข่วน และแผ่นกันรอยโครงรถ ตลอดจนยังมีอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ให้เลือกสรรอีกมากกว่า 50 รายการ ซึ่งช่วยให้สามารถปรับแต่งรถได้ดั่งใจเพื่อประสบการณ์ขับขี่ขั้นสูงสุดไม่ว่าในรุ่นใดก็ตาม นอกจากนี้ยังได้ร่วมมือกับ GORE-TEX® ในการให้บริการเสื้อผ้าและชุดป้องกันคุณภาพสูงที่เหมาะสมต่อการขับขี่ผจญภัยในทุกสภาพแวดล้อม ขณะที่ในส่วนของการบำรุงรักษาก็มีการขยายระยะทางเป็น 16,000 กิโลเมตร หรือ 1 ปีแล้วแต่อย่างใดจะถึงก่อน รวมทั้งการรับประกันคุณภาพของรถยังยาวนานถึง 2 ปี โดยที่ไม่จำกัดระยะทาง พร้อมทั้งโปรแกรม Triumph Roadside Assistance ตลอดระยะเวลารับประกัน 2 ปี ช่วยให้ลูกค้ามั่นใจในการใช้งานได้อย่างเต็มที่

 

By:Auto Variety

Most Popular

To Top