รีวิวรถ

เทียบชัดๆ สำรวจ Honda CR-V ใหม่ คุ้ม หรือ ไม่คุ้ม!!!??

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งรถ SUV แท้ๆ ที่ได้ความนิยมมาอย่างต่อเนื่องของค่ายยักษ์ใหม่จากญี่ปุ่นอย่าง Honda ที่มีประวัติความสำเร็จมาอย่างยาวนานมากกว่า 25 ปี ใช่แล้วครับรถที่เราพูดถึงและทำการทดสอบในครั้งนี้คือ Honda CR-V รถ SUV เจเนอเรชั่นที่ 5 ปี 2021 ที่ปรับโฉมมาอย่างลงตัว แถมใส่ฟังก์ชั่นการเชื่อมต่อและเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ เพื่อตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งความพิเศษจะมีอะไรบ้างเรามาดูกัน

            

สำรวจภายนอก

ถึงแม้ภายนอกจะไม่เปลี่ยนอะไรมากตั้งแต่เปิดตัวตั้งแต่ปี 2560 แต่ใช่ว่าจะไม่มีการปรับเปลี่ยนอะไรเลย ซึ่งในเวอร์ชั่น 2021 Honda CR-V ได้มีการเพิ่มเติมความหรูหรามากยิ่งขึ้นโดยเพิ่มหลังคาซันรูฟไฟฟ้าแบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof) พร้อมระบบเปิด-ปิดแบบ One-Touch ตอกย้ำความพรีเมียมและกระแสความชอบของคนไทย

เสริมอารมณ์ความสปอร์ตยิ่งขึ้นด้วยกระจังหน้าแบบ Gloss Black และกันชนหน้า-หลังดีไซน์ใหม่ ฝากระโปรงท้ายตกแต่งด้วยโครเมียมรมดำและไฟท้ายรมดำ ไฟหน้าแบบ FULL LED มาพร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED (Daytime Running Light – DRL)

พร้อมไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequential และไฟท้ายแบบ FULL LED และเพิ่มความสะดุดตาด้วยล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตใหม่ขนาด 18 นิ้ว ซึ่งนับว่าลงตัวไม่ใช่น้อย แถมยังถูกใจสาวๆ อีกต่างหาก เพราะด้วยรูปลักษณ์โค้งมลลงตัวดูดีมีสไตล์และยังหรูหราสวยงามไม่แข็งกระด้าง

ภายในเน้นความหรูและฟังก์ชั่นการใช้งาน

            สำหรับคนที่ชอบความเรียบง่ายและเน้นการใช้งาน Honda CR-V ได้ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่ง่ายต่อผู้ใช้ โดย เพิ่ม อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) กระจกมองข้างแบบพับเก็บอัตโนมัติ (ควบคุมด้วยรีโมท) (Auto Foldable Side Door Mirror)

ระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ (Driver Memory Seat) เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมปุ่มปรับดันหลังไฟฟ้า 4 ทิศทาง กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติ (Auto Dimming Rear View Mirror) (ทุกรุ่น) ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย/ขวา i-Dual Zone และระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารแถว 2 นอกจากนี้ภายในห้องโดยสารมาพร้อมแผงคอนโซลขนาดใหญ่ ตกแต่งด้วยลายไม้และวัสดุสีดำ Piano Black ที่เพิ่มความหรูอีกด้วย

Honda CR-V ใหม่ยังเอาใจคนรุ่นใหม่ด้วยเทคโนโลยีการเชื่อมต่ออันล้ำสมัย อาทิ ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ซึ่งสามารถแสดงผลฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย ควบคุมทุกการสั่งงานได้อย่างง่ายดายผ่านพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันพร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียง และปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ เป็นต้น

สำหรับใครที่ชอบเดินทางหรือเก็บของด้านท้ายรถ และเบื่อกับการที่หิ้วของและเปิดท้ายไปพร้อมกัน ในเวอร์ชั่นนี้คุณไม่ต้องหนีบของพร้อมเปิดประตูท้ายอีกต่อไป เพราะ Honda CR-V ได้ใส่ระบบฝากระโปรงท้ายเปิด-ปิดอัตโนมัติด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมระบบแฮนด์ฟรี (Hands-free Power Tailgate) (ทุกรุ่น…เน้นว่าทุกรุ่น)

สะดวกสบายด้วยการควบคุมการเปิด-ปิดด้วยรีโมท และปรับระดับความสูงของการเปิดฝากระโปรงท้ายได้ตามต้องการ ดีไซน์ทุกพื้นที่การใช้งานได้ด้วยเบาะนั่งที่สามารถปรับเปลี่ยนเพื่อรองรับผู้โดยสารและการใช้งานที่หลากหลาย พร้อมด้วยช่องเก็บของบริเวณคอนโซลกลางที่สามารถปรับเปลี่ยนเพื่อให้เข้ากับการใช้งานได้ถึง 3 แบบ

เครื่อง 2.4 ลิตร แถมพ่วงรถบบความปลอดภัยเต็มรูปแบบ

Honda CR-V มาพร้อมกับขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร DOHC i-VTEC 4 สูบ ให้กำลังสูงถึง 173 แรงม้าที่ 6,200 รอบต่อนาที ด้วยแรงบิดสูงสุดที่ 224 นิวตัน-เมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที ผสานการทำงานกับเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ให้การตอบสนองที่ทันใจ ซึ่งนับว่าเพียงพอต่อการเดินทางในเมืองได้อย่างลงตัว แต่ถ้าคนที่ชอบเดินทางออกต่างจังหวัดอาจจะต้องรอรอบนิดหน่อยอาจจะไม่เร้าใจเท่าที่ควรส่วนหนึ่งคาดว่าเป็นพฤติกรรมของระบบเกียร์ CVT แต่ก็หักล้างกันได้อยู่เพราะในเวอร์ชั่นนี้รองรับพลังงานทางเลือก E85 และ E20 ทำให้เราจ่ายค่าน้ำมันถูกลง

นอกจากนี้ Honda CR-V เจเนอเรชั่นที่ 5 ยังอัดแน่นด้วยระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ที่ทำให้คุณปลอดภัยทุกการใช้งาน อาทิ ระบบเตือนการชนรถและคนเดินถนนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS) ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning : RDM with LDW) ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)

และยังมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัย อาทิ ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ระบบช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Attention Monitor) (ทุกรุ่น) ตรวจจับความเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่ผ่านการควบคุมพวงมาลัยและแจ้งเตือนผ่านหน้าจอ TFT พร้อมการสั่นเตือนที่พวงมาลัย ระบบเพิ่มความคล่องตัวในการขับขี่ (Agile Handling Assist) อีกทั้งนวัตกรรมเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ ฮอนด้า คอนเนค (Honda CONNECT) เป็นต้น เรียกได้ว่าเพียงแค่คุณขับระบบก็พร้อมช่วยเหลือเสมอในกรณีคับขัน

สรุป…สำหรับ Honda CR-V เจเนอเรชั่นที่ 5 ที่เรานำมาทดสอบเป็นรุ่น 2.4 ES 4WD ซึ่งเป็นรุ่น TOP ในรูปแบบ 5 ที่นั่ง โดยความพิเศษของระบบขับเคลื่อน 4WD จะมีการแปลผันอัตโนมัติ (REAL TIMETM AWD) โดยในการขับขี่ปกติบนถนนทั่วไปที่มีแรงยึดเกาะ ตัวรถจะใช้ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อหน้าเป็นหลักเสมอ แต่เมื่อรถตรวจจับได้ว่าล้อคู่หน้าไม่สามารถส่งกำลังขับเคลื่อนไปได้ ระบบจะถ่ายกำลังไปยังล้อคู่หลัง ให้สามารถขับเคลื่อนได้ เพื่อพาตัวรถออกจากอุปสรรคไปได้ โดยจับคู่กับระบบช่วงล่างแบบ SUV แท้ๆ ที่ใช้ระบบกันสะเทือนด้านหน้าเป็นแบบแม็คเฟอร์สัน สตรัท อิสระ พร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังเป็นแบบมัลติลิงค์ อิสระ พร้อมเหล็กกันโคลง ทำให้มีความนุ่มนวลและเกาะถนนได้ดีมากยิ่งขึ้น Honda CRV 2.4 ES 4WD ราคา 1,529,000 บาท จะไม่หวือหวาอะไรมากนักเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน แต่ก็ต้องยอมรับว่าของที่ใส่ให้มาหรือการออกแบบยังมีความลงตัวที่ชัดเจน เน้นความสะดวกสบายเรียบหรูตามคอนเซ็ปต์ของ Honda ได้อย่างครบถ้วน ใครที่กำลังเล็งๆ อยู่ บอกเลยว่าตอนนี้โปรโมชั่นเร้าใจไม่ใช่น้อย

Most Popular

To Top