ดีทรอยท์ – เชฟโรเลต คามาโร เริ่มทำตลาดตั้งแต่วันที่ 29 กันยายน ค.ศ. 1966 (พ.ศ. 2509)และได้เสียงตอบรับที่ดีเยี่ยมจากลูกค้าที่ต่างเฝ้ารอรถสปอร์ตครั้งแรกของเชฟโรเลตคามาโรประสบความสำเร็จตั้งแต่ปีแรกของการทำตลาดด้วยยอดขายเกือบ 221,000 คันและกลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมอเมริกันอันเลื่องชื่อตลอด 50 ปีนับตั้งแต่การเปิดตัวครั้งแรก คามาโรออกทำตลาดรวมทั้งหมด 6 เจนเนอเรชั่นแต่ละรุ่นมีความโดดเด่นและแตกต่างกันออกไปด้วยการออกแบบที่สร้างความตื่นตาตื่นใจตามยุคสมัยและเทคโนโลยีที่ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการขับขี่ที่เร้าใจซึ่งทำให้คามาโรรุ่นแรกได้รับความนิยมเป็นอย่างมากนับตั้งแต่เปิดตัววันแรกเจนเนอเรชั่นที่ 1 ปี 1967-69คามาโร เจนเนอเรชั่นแรกถือกำเนิดขึ้นในยุครุ่งเรืองของรถมัสเซิลคาร์และยุคของรถแข่งแดร็กเรซซิ่ง รวมถึงรถแข่งโรดเรซซิ่งเป็นที่มาของรุ่นแรกเริ่มแซด/28 (Z/28) ในปี 1967 คามาโร เจนเนอเรชั่นที่ 1ยังทำหน้าที่เป็นรถเพซคาร์ของการแข่งขันอินดี้ 500 ถึงสองครั้ง ครั้งแรกในปี 1967 และครั้งที่สองในปี1969 โดยรถรุ่นปี 1969 ที่มีตัวถังสีส้ม Hugger Orangeและการตกแต่งด้วยสีส้มในห้องโดยสารถือเป็นหนึ่งในรถสปอร์ตที่มีชื่อเสียงโด่งดังและติดตราตรึงใจมากที่สุดในยุคนั้นเจนเนอเรชันที่ 2 ปี 1970-81คามาโร เจนเนอเรชั่นที่ 2 เป็นรุ่นที่ทำตลาดยาวนานที่สุดและประสบความสำเร็จมากที่สุดถึงแม้อุตสาหกรรมยานยนต์จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ทำให้ความนิยมในรถสมรรถนะสูงอย่างแซด28(Z28) ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ คามาโร รุ่นที่ 2มาพร้อมโครงสร้างใหม่ล่าสุดที่ลดศูนย์ถ่วงลงและขยายฐานล้อให้กว้างขึ้นเล็กน้อยทำให้คามาโรรุ่นนี้มีสมรรถนะการขับขี่ที่เป็นเลิศโดยยังมาพร้อมกับสไตล์การออกแบบที่น่าทึ่งซึ่งได้อิทธิพลมาจากแถบยุโรปคามาโรทำยอดขายต่อปีสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 282,571 คันในปี 1979 รวมถึงยอดขายแซด28 (Z28) เกือบ85,000 คันเจนเนอเรชั่นที่ 3 ปี 1982-92คามาโร เจนเนอเรชั่นที่ 3 ได้รับการเปิดตัวพร้อมโครงสร้างใหม่หมดช่วงล่างด้านหน้าแบบสตรัทที่ทันสมัย พวงมาลัยแร็คแอนด์พีเนียน และเทคโนโลยีใหม่อีกมากมายแชสซีส์ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ยกระดับรถที่ได้รับการกล่าวขวัญถึงศักยภาพการควบคุมที่ยอดเยี่ยมอยู่แล้วกลายเป็นเครื่องจักรสังหารบนสนามแข่ง โดยเฉพาะรุ่นที่มาพร้อมแพ็คเกจ 1แอลอี (1LE) ที่เปิดตัวในปี1988 สไตล์ตัวถังที่ดุดันยกระดับสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยมของตัวรถและนับเป็นคามาโรรุ่นแรกที่มาพร้อมตัวถังแฮทช์แบ็ก นอกจากนี้ แซด28 (Z28) รุ่นปี 1982ยังเป็นรถอเมริกันโปรดักชั่นคาร์คันแรกที่มาพร้อมกราวด์เอฟเฟคต์เพิ่มความลู่ลมและได้รับรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปีจากมอเตอร์เทรนด์ (Motor Trend Car of the Year)เจนเนอเรชั่นที่ 4 ปี 1993-2002สมรรถนะถูกยกระดับอย่างต่อเนื่องสำหรับคามาโร เจนเนอเรชั่นที่ 4 เครื่องยนต์ที่ทรงพลังยิ่งขึ้นและการปรับปรุงแชสซีส์ใหม่ที่พัฒนาบนพื้นฐานของเจนเนอเรชั่นที่ 3การออกแบบตัวถังมีวิวัฒนาการให้มีสัดส่วนที่โดดเด่นยิ่งขึ้นรวมถึงกระจกบังลมที่ลาดเอียงซึ่งทำให้ตัวรถมีความปราดเปรียวอย่างแท้จริง ด้านหน้าของคามาโรรุ่นที่ 4นี้ได้รับการปรับโฉมใหม่ในปี 1998 พร้อมกับการแนะนำรุ่นแอลเอส1 วี-8 (LS1 V-8) ทำให้รุ่นแซด28 (Z28)และเอสเอส (SS) รำลึกถึงยุครุ่งเรืองของรถมัสเซิลคาร์เจนเนอเรชั่นที่ 5 ปี 2010-2015ระยะเวลา 7 ปีที่ขาดหายไประหว่างเจนเนอเรชั่นที่ 4 และการเปิดตัวเจนเนอเรชั่นที่ 5 (ซึ่งเผยโฉมปี2009 ในฐานะรุ่นปี 2010) อาจดูไม่ยาวนาน แต่ก็เหมือนชั่วนิรันดร์สำหรับโลกยานยนต์เชฟโรเลตตัดสินใจว่าคามาโรรุ่นใหม่จะต้องสืบสานตำนานความสำเร็จอันยาวนานซึ่งถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง คามาโร รุ่นที่ 5 มียอดจำหน่ายมากกว่า 500,000 คัน และแซงหน้ารถสปอร์ตคู่แข่งเป็นปีที่ 5ติดต่อกัน พร้อมกับต่อยอดเป็นรถรุ่นใหม่ที่เน้นการขับขี่ในสนามแข่งอย่าง 1แอลอี (1LE) แซด/28 (Z/28)และแซดแอล1 (ZL1)เจนเนอเรชั่นที่ 6 ปี 2016 เป็นต้นมาคามาโร รุ่นที่ 6 คือคามาโรที่มีความเหนือชั้นที่สุด ทั้งในด้านสมรรถนะ เทคโนโลยีและความประณีตหรูหราซึ่งอัดแน่นอยู่ในโครงสร้างที่มีน้ำหนักเบาลงและแข็งแกร่งยิ่งขึ้นทำให้ได้รับรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปีจากมอเตอร์เทรนด์ในปี 2016
สำหรับปี 2017 มีการเปิดตัวรุ่น1แอลอี (1LE) ใหม่สำหรับสนามแข่ง และแซดแอล1 (ZL1) ซึ่งขับเคลื่อนด้วยขุมพลังวี 8 ความจุ 6.2 ลิตรซูเปอร์ชาร์จ รีดพละกำลังถึง 640 แรงม้า และส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีดรุ่นใหม่คามาโร เฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีเชฟโรเลตเฉลิมฉลอง 50 ปีของคามาโรในช่วงซัมเมอร์นี้ด้วยกิจกรรมมากมาย และการเข้าร่วมงานแสดงรถคลาสสิก วู๊ดเวิร์ด ดรีม ครูสในวันที่ 20 สิงหาคมรวมถึงการเยี่ยมชมศูนย์การผลิตคามาโรที่แลนซิง แกรนด์ ริเวอร์ ซึ่งเมื่อวันที่ 18 สิงหาคมสำหรับรายละเอียดของกิจกรรมเข้าชมที่ www.camarofifty.com
