รีวิวรถ

เมอร์เซเดส-เบนซ์ รุกหนักตลาดเอสยูวี เปิดตัวรถยนต์ GLC Coupé รุ่นประกอบในประเทศ และครอสโอเวอร์สายพันธุ์แรง รุ่นล่าสุด Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupé

บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดรถยนต์หรู รุกหนักผลิตภัณฑ์กลุ่มเอสยูวี เปิดตัวยนตรกรรมประกอบในประเทศรุ่นล่าสุด อย่าง “GLC 250 d 4MATIC Coupé” รถยนต์ที่ผสานความอเนกประสงค์ของรถยนต์สไตล์เอสยูวีและความสปอร์ต โฉบเฉี่ยวของรถยนต์คูเป้เข้าไว้ด้วยกัน พร้อมเสริมทัพเอาใจลูกค้าที่ชื่นชอบความเร็วด้วยสมาชิกลำดับที่ 9 ในกลุ่ม Mercedes-AMG สไตล์ครอสโอเวอร์สมรรถนะสูง อย่าง Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupé โดยรถยนต์รุ่น “GLC 250 d 4MATIC Coupé” นำเสนอในสองรุ่นย่อย ได้แก่ GLC 250 d 4MATIC Coupé AMG Dynamic ราคา 3,990,000 บาท และ GLC 250 d 4MATIC Coupé AMG Plus ราคา 3,990,000 บาท ส่วน Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupé นำเสนอในราคา 5,790,000 บาท ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้แล้วที่ผู้จำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์อย่างเป็นทางการทั้ง 32 แห่งทั่วประเทศ

GLC 250 d 4MATIC Coupé” รุ่นประกอบในประเทศไทย เป็นยนตรกรรมขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ ที่ผสานความอเนกประสงค์ของรถยนต์สไตล์เอสยูวีและความสปอร์ต โฉบเฉี่ยว ของรถยนต์คูเป้เข้าไว้ด้วยกัน ซึ่ง The GLC Coupé มีให้เลือกสรรถึง 2 แบบ คือ GLC 250 d 4MATIC Coupé AMG Dynamic และ GLC 250 d 4MATIC Coupé AMG Plus ที่มาพร้อมกับภาพลักษณ์ที่ดูปราดเปรียว ด้วยลายเส้นโค้งเว้า ให้ความรู้สึกพลิ้วไหว รวมถึงการออกแบบภายในที่เน้นความหรูหรา ทันสมัย แต่ขณะเดียวกันก็ยังคงกลิ่นอายของความสปอร์ตเอาไว้เช่นเดิม

 


GLC 250 d 4MATIC Coupé AMG Dynamic และ GLC 250 d 4MATIC Coupé AMG Plus ที่มาพร้อมกับภาพลักษณ์ที่ดูปราดเปรียว ด้วยลายเส้นโค้งเว้า ให้ความรู้สึกพลิ้วไหว รวมถึงการออกแบบภายในที่เน้นความหรูหรา ทันสมัย แต่ขณะเดียวกันก็ยังคงกลิ่นอายของความสปอร์ตเอาไว้เช่นเดิม รวมถึงการนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด และระบบความปลอดภัยมาตรฐาน เมอร์เซเดส-เบนซ์ เพื่อมอบความมั่นใจให้กับลูกค้าชาวไทย


ดีไซน์ภายนอก ของทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมกระจังหน้าขนาดใหญ่ มีสัญลักษณ์โลโก้เมอร์เซเดส-เบนซ์ขนาดใหญ่ตรงกลาง เสริมไฟหน้าแบบ LED Intelligent Light System และไฟ daytime สำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED fibre-optic เพื่อการขับขี่อย่างมีประสิทธิภาพ เส้นสายหลังคาและลายเส้นด้านข้างถูกออกแบบให้ลาดเอียงไปทางด้านท้าย ที่เน้นดีไซน์แบบ เรียบหรู ล้ำสมัยเสริมโครงสร้างตัวรถให้ดูทรงพลังและสง่างามไปพร้อมกัน ด้านท้ายเพิ่มความแข็งแกร่งดุดันด้วยปลายท่อไอเสียเสริมโครเมียม 2 ท่อ พร้อมด้วยชุดแต่ง AMG bodystyling (กันชนหน้า-หลัง), ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ multi-spoke ขนาด 20 นิ้ว ระบบกันสะเทือนแบบ DYNAMIC BODY CONTROL, หลังคาซันรูฟ เลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า


GLC-Class Coupé ทั้งสองรุ่นใช้เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบแถวเรียง ปริมาตรกระบอกสูบ 2,143 ซีซี. ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้าที่ 3,899 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด500 นิวตันเมตรที่ 1,600-1,800 รอบ/นาที อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม.ในเวลา 7.6 วินาที และทำความเร็วสูงสุดที่ 220 กม./ชม.

ดีไซน์ภายใน ของ The GLC-Class Coupé มาพร้อมจุดเด่นภายในห้องโดยสาร อย่าง แดชบอร์ดและคอนโซลกลางที่มีขอบลายเส้นที่ดูไหลลื่น โดยแผงคอนโซลที่มีขนาดใหญ่และถูกออกแบบให้เป็นชิ้นเดียวนี้ วางทอดตัวยาวจากช่องลมระบบปรับอากาศบริเวณตรงกลางของแผงหน้าปัดลงมาจนถึงพนักวางแขนบริเวณกึ่งกลางระหว่างเบาะที่นั่งของผู้ขับขี่กับผู้โดยสารตอนหน้า ซึ่งเส้นสายบริเวณแผงคอนโซลที่ดูเรียบง่ายแต่เร้าอารมณ์ช่วยให้ห้องโดยสารดูกว้างขวาง เรียบง่าย และล้ำสมัยยิ่งขึ้น นอกจากนี้ รถยนต์ทั้ง 2 แบบยังมาพร้อมกับพวงมาลัยนิรภัยพร้อมเพาเวอร์ปรับน้ำหนักตามความเร็วรถ พร้อมเสริมความรู้สึกสปอร์ตให้มากขึ้น เมื่อเลือกใช้โหมดของระบบกันสะเทือนแบบ COMFORT, SPORT และ SPORT+, ระบบกุญแจแบบ KEYLESS-GO, ฟังก์ชัน ECO start/stop, ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ THERMATIC แบบ 2 โซน, เบาะนั่งสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้าปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมบันทึกหน่วยความจำ โดยเบาะนั่งด้านหลังสามารถพับได้ทั้ง 1:3/2:3 ตามความต้องการเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บของที่เพิ่มขึ้น ซึ่งรถยนต์รุ่นนี้มีพื้นที่จัดเก็บสัมภาระที่กว้างขวางด้วยความจุ 500-1,400 ลิตร ซึ่งนับเป็นความจุที่มากที่สุดเมื่อเทียบกับรถยนต์กลุ่มเดียวกัน รวมถึงระบบมัลติมีเดีย อย่าง ระบบวิทยุ-ซีดี MB Audio 20, ระบบสำหรับเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบ Bluetooth, ระบบควบคุมและสั่งงานด้วย touchpad และระบบรองรับการใช้งานอุปกรณ์เพื่อความบันเทิงสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง, ระบบแผนที่นำทาง (SD-Card Navigation System), ระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester®, ระบบแสดงผลข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า (Head-up display) โดย GLC 250 d 4MATIC Coupé AMG Plus ตกแต่งด้วยเบาะนั่งหุ้มหนังแบบสปอร์ตพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบสปอร์ตท้ายตัด ชุดคันเร่งและแป้นเบรกแบบสปอร์ต เบาะนั่งหุ้มหนังแบบสปอร์ต และพรมปูพื้นพร้อมสัญลักษณ์ AMG

ความปลอดภัยและเทคโนโลยี ของ The GLC Coupé มาพร้อมกับระบบ “Mercedes-Benz Intelligent Drive” เพื่อให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้รับความปลอดภัยสูงสุด ด้วยระบบการช่วยเหลือและระบบความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพ โดยระบบดังกล่าวมีพื้นฐานมาจากแนวคิดการปกป้องก่อนเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุเข้าไว้ด้วยกันภายใต้ระบบควบคุมอัจฉริยะเพียงหนึ่งเดียวที่ทำงานสอดประสานกัน ไม่ว่าจะเป็น ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ PRE-SAFE® system, โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (Electronic Stability Program – ESP®) พร้อมระบบรักษาสมดุลของตัวรถเมื่อมีลมปะทะด้านข้าง (Crosswind Assist), ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชั่น HOLD และ Hill-Start Assist, ไฟเบรกกระพริบฉุกเฉิน (Adaptive brake light), ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (Anti-lock braking system – ABS), ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับรถ (ATTENTION ASSIST), ระบบรักษาความเร็ว (Cruise Control) และจำกัดความเร็ว (SPEEDTRONIC), เซ็นเซอร์ช่วยในการนำรถเข้าจอด (PARKTRONIC), กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง, ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Active Parking Assist), ระบบเตือนเพื่อนำรถเข้าศูนย์บริการ (ASSYST service interval indicator), ระบบเตือนแรงดันยาง (Tyre pressure loss warning system) เป็นต้น พร้อมทั้งระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ ABA (Active Brake Assist system) ที่เพิ่มขึ้นมาสำหรับรถยนต์ The GLC-Class Coupé รุ่นประกอบในประเทศโดยเฉพาะ

นอกจากนี้ รถยนต์รุ่นนี้ยังมาพร้อมกับระบบส่งกำลังที่รองรับระบบ DYNAMIC SELECT ซึ่งมีโหมดการขับขี่ 5 แบบ คือ ECO ที่ช่วยปรับการขับขี่เข้าสู่ระบบประหยัดน้ำมัน, INDIVIDUALที่สามารถบันทึกรูปแบบการขับขี่ที่ผู้ขับขี่กำหนดไว้ได้, COMFORT ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่รู้สึกผ่อนคลาย สะดวกสบายเหมือนขับรถซาลูน, SPORT และ SPORT+ เน้นการเพิ่มความเร้าใจให้กับการขับขี่มากยิ่งขึ้น
Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupé


Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupé รถยนต์เอสยูวีคูเป้รุ่นล่าสุดจากค่าย AMG ที่มาพร้อมระบบส่งกำลัง AMG Performance 4MATIC และความสปอร์ตโฉบเฉี่ยว จากดีไซน์ภายนอก จากชุดตกแต่ง AMG bodystyling (กันชนหน้า-หลัง), ล้ออัลลอย ดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ 5 ก้านขนาด 21 นิ้ว, AMG Spoiler-lip (สปอยเลอร์ด้านหลังบนฝากระโปรงท้าย), ปลายท่อไอเสีย 2 ท่อ (4-pipe look), ท่อไอเสียแบบ AMG Sports exhaust system, ดิสก์เบรกแบบมีช่องระบายความร้อน, คาลิปเปอร์เบรกสีเทาพร้อมสัญลักษณ์ AMG และช่วงล่างแบบ AMG sports Suspension Based on AIR BODY CONTROL ซึ่งมาช่วยเสริมความดุดันให้กับรถยนต์รุ่นนี้ได้เป็นอย่างดี


ดีไซน์ภายใน โดดเด่นด้วยเบาะที่นั่งหุ้มหนังแบบสปอร์ต โดยเบาะนั่งสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้าปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมหน่วยบันทึกความจำ, ชุดคันเร่งและแป้นเบรกแบบสปอร์ต, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบสปอร์ตท้ายตัด, พวงมาลัยนิรภัยพร้อมพาวเวอร์ ปรับน้ำหนักตามความเร็วรถ, กาบบันไดเรืองแสงประตูหน้าแบบ AMG และ AMG DYNAMIC SELECT และอุปกรณ์มัลติมีเดีย อย่าง วิทยุ-ซีดี MB Audio 20, ระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester®, ระบบควบคุมและสั่งงานด้วย touchpad, ระบบสำหรับเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Bluetooth), ระบบนำทาง รวมถึงหลังคาพาโนรามิคซันรูฟ เลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า


ขุมพลังความแรงของ Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupé มากับเครื่องยนต์เบนซิน V6 เทอร์โบคู่พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ปริมาตรกระบอกสูบ 2,996 ซีซี. ให้กำลังสูงสุด 367 แรงม้าที่ 5,500-6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 520 นิวตันเมตรที่ 2,500-4,500 รอบ/นาที อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม.ใช้เวลาเพียง 4.9 วินาที และความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม.


ด้านความปลอดภัยและเทคโนโลยี มาพร้อมกับระบบ DYNAMIC SELECT ที่มีโหมดการขับขี่อันหลากหลาย ซึ่งทำให้ผู้เป็นเจ้าของสามารถสัมผัสถึงการขับขี่แบบเร้าใจหรือการขับขี่แบบนุ่มสบายตลอดการเดินทางได้ในคันเดียว โดย DYNAMIC SELECT มีโหมดการขับขี่ 4 แบบ คือ INDIVIDUAL ที่สามารถช่วยจดจำรูปแบบการขับขี่ของผู้ขับได้, CONFORT ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่รู้สึกผ่อนคลาย สะดวกสบายเหมือนขับรถซาลูน, SLIPPERY เหมาะกับการวิ่งบนถนนที่ลื่น, SPORTเน้นการเพิ่มความเร้าใจในการขับขี่ให้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ รถรุ่นนี้ยังได้ติดตั้งระบบกันสะเทือนแบบอากาศพร้อมระบบควบคุมระดับ ADS (Adaptive Damping System) เพื่อรองรับการขับขี่ในทุกสภาพถนน และระบบความปลอดภัยอื่นๆ อย่างครบครัน


Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupé มาพร้อมกับระบบส่งกำลังแบบ 9G-TRONIC และเครื่องยนต์แบบ V6 เทอร์โบคู่ ที่มีจุดเด่นในเรื่องระบบแรงดันเสริมท่อสำหรับนำอากาศของชุดเทอร์โบ (boost pressure) ส่งผลให้สามารถเพิ่มแรงม้าและแรงบิดของเครื่องยนต์รุ่นนี้ได้

Most Popular

To Top