เรื่อง : Ny_PeePee
เมื่อประมาณ 10 กว่าปีมานี้ เทรนด์การใช้รถยนต์ทั่วโลกนั้นเปลี่ยนไป เครื่องยนต์ “ดีเซล คอมมอนเรล” สุดไฮเทค เข้ามามีบทบาทอย่างมาก โดยเฉพาะจากฝั่ง “ยุโรป” และมาฝั่ง “ญี่ปุ่น” ด้วยการพัฒนาเครื่องยนต์รูปแบบใหม่ให้ทันสมัย ที่แน่ๆ ก็ระบบฝาสูบ DOHC4 วาล์วต่อสูบ เหมือนกับเครื่องเบนซินสมรรถนะสูง และพัฒนาระบบจ่ายน้ำมันให้ทรงประสิทธิภาพ มีความละเอียดสูง แถมด้วยเทอร์โบแปรผันที่ปรับให้ตอบสนองดีทุกช่วงรอบ เรียกว่าเป็นก้าวกระโดดของรถยนต์เครื่องดีเซล ที่มีสมรรถนะไม่แพ้เครื่องเบนซิน เผลอๆ จะ “เหนือกว่า” ด้วยแรงบิดอันมหาศาล และยังมี “ความประหยัด” อีกด้วย ต่างจากในอดีตที่เครื่องดีเซลคือเอาไว้ใช้งานหนักอย่างเดียวจริงๆ ส่วนในเมืองไทย ตลาดดีเซลก้าวกระโดดเช่นกัน จากกลุ่มลูกค้าที่ชอบรถใช้งานอเนกประสงค์ จะกระบะ จะตู้ จะรถแวนอะไรก็ตามแต่ เครื่องดีเซลที่มากับรถทุกวันนี้ก็ยิ่งสมรรถนะสูงขึ้น แต่แน่นอนว่า ย่อมมีสายตีนหนักที่ “อยากแรง” ซึ่งตอนนี้ “ของแต่งเพียบ” เรียกว่ากำตังค์อย่างเดียวพอ มีทุกสิ่งมาเสิร์ฟให้ท่าน แต่จะมีของแต่งอะไรบ้าง สเต็ปไหนแรงเท่าไร จ่ายเท่าไร ซึ่งเราจะเน้นไปในทาง “รถใช้งานบนถนนทั่วไป” เป็นหลัก เชิญชมครับ…
ใส่กล่อง เสกแรงม้า
รถเดิมๆ จะมีการกำหนดค่าการจ่ายเชื้อเพลิงจากกล่อง ECU ที่ต้องมีการ “ควบคุมมลพิษ” จากโรงงาน จึงปลดปล่อยแรงม้าได้แค่ในระดับที่ “ผ่านกฏหมาย” ถ้าจะอัพเกรดมากขึ้น ก็ต้อง “เสริมกล่องแต่ง” โดยการ “ต่อพ่วง” ก็จะมีสเต็ปเริ่มต้น คือ “กล่องยกหัวฉีด” ก็คือ มันจะสั่งให้หัวฉีดเปิดนานขึ้น ฉีดน้ำมันมากขึ้น อีกอันที่ “คู่กัน” คือ “กล่องเพิ่มแรงดันเชื้อเพลิง” ที่มันจะไปหลอกสัญญาณว่าแรงดันตก ทำให้กล่องหลักไปสั่งให้ปั๊มคอมมอนเรลปั๊มแรงดันมากขึ้น ถ้าใส่ทั้งสองตัวนี้มันจะ “แมทช์” กันมาก และมันก็มักจะขายคู่กัน เรียกตามประสาชาวบ้านว่า “กล่องยก กล่องดัน” ต้องใช้คู่กันจะเห็นผลมากที่สุด โดยเฉลี่ยก็เพิ่มจากเดิมประมาณ 50แรงม้า ขึ้นไป อาจจะได้ค่าที่แตกต่างจากนี้ก็ได้อยู่ที่สภาพเครื่องยนต์ของรถแต่ละคัน ตอนนี้ก็จะขายคู่โปรโมชั่น อยู่ที่ “19,000 บาท” นับว่าคุ้มเพราะไม่ต้องไปยุ่งอะไรกับตัวเครื่องยนต์เลยแม้แต่น้อยถ้าจะเอาแบบ “สะใจ” ในรถที่โมดิฟายเพิ่ม ก็จะมี “กล่องพ่วง” ที่สามารถจูนเพิ่มได้ตามต้องการ อันนี้จะอยู่ราวๆ 2X,XXX-35,000 บาท แล้วแต่แบรนด์ (ที่พูดมานี้ของไทยหมดนะ) ถ้าเป็น ISUZU ก็จะถูกหน่อย เพราะระบบมันจูนง่ายกว่า TOYOTA ที่ระบบมันซับซ้อนและเล่นยากกว่า ต้องใช้ Software ที่เหนือขึ้นไป แต่ก็ต้องระวังเรื่องการเดินสายไฟกันหน่อย ถ้าช่างมีประสบการณ์ “มือถึง” ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าเจอข้อผิดพลาด เช่น หัวฉีดบวม เกิดจากการคร่อมสัญญาณแล้วไปเค้นเกินลิมิท อุปกรณ์ต่างๆ อาจจะมีปัญหาได้…
Reflash โปรแกรม อัพเกรดจากกล่องเดิม
อันนี้เป็นอีกหนึ่งทางเลือก สำหรับผู้ที่อยากจะทำให้รถดูเดิมสนิท ไม่อยากติดตั้งอะไรเพิ่มเติม การ Reflash หรือ Remap โปรแกรมในกล่องเดิมนับว่าน่าสนใจ เพราะเป็นการแก้ไขโปรแกรมในกล่องหลัก (Overwrite) ซึ่งฟังก์ชันในกล่องมันก็ยังครอบคลุมกว่า สิ่งหนึ่งที่ได้แน่ๆ คือ ลดปัญหาในการเข้าศูนย์บริการและการรับประกันรถ เพราะหน้าตากล่องมันก็ยังดูเดิมๆ อยู่ สำหรับแรงม้าที่ได้ก็อยู่ที่เงื่อนไขการโมดิฟาย โดยรวม ถ้าเป็นสเต็ปรถบ้าน ควันไม่ดำ เอาตอบสนองดีขึ้น เร็วขึ้น ก็ทำได้ 50 แรงม้า ขึ้นไป แต่ถ้าจะเน้น “ฮาร์ดคอร์” ที่ต้องมีการปรับแต่งเพิ่มเติมอีก ก็จะเพิ่มได้ในระดับ 80-100 แรงม้า เหมือนกัน แต่บอกก่อนว่าอยู่ที่เงื่อนไขการโมดิฟายของแต่ละคันด้วย สำหรับราคา ถ้าเป็น ISUZU หรือ MITSUBISHI ตอนนี้ราคาอยู่ราวๆ 7,000-8,000 บาท บางทีก็มักจะขายแพคเกจจูนพร้อมโปรโมชั่น “รีแฟลชกล่องแถมวัดแรงม้า” คู่กัน จริงๆ ก็ควรจะวัดเพื่อ “เก็บงาน” เช็ครายละเอียดต่างๆ ก่อนส่งรถ เห็นว่าถูกเพราะมัน Download โปรแกรมและจูนเก็บนิดหน่อยในกรณีรถสแตนดาร์ด แต่ถ้ามีการปรับแต่งเหนือกว่านี้ราคาก็จะเพิ่มขึ้น (ต้องตกลงกับคนรับจูนเอง) แต่ถ้าเป็น TOYOTA ก็ต้องมี 15,000 บาท เพราะต้องเปิดกล่อง ขั้นตอนมันจะยุ่งยากขึ้นพอควร (การเปิดกล่องต้องมีเทคนิคและระวังมาก ไม่ใช่สักแต่เอาไขควงไขน๊อตนะครับ)
งดดราม่า !!!
พูดหน่อยเดี๋ยวจะเป็นประเด็นดราม่า คนไม่เข้าใจก็จะตีความไปกันใหญ่ ในด้านราคา จะเห็นว่าการ Reflash กล่องนั้นถูกกว่าการซื้อกล่องพ่วงแพ็คคู่ ก็ขอให้เข้าใจว่า การ Reflash มันจะเป็นสิ่งที่เรียกว่า Software(ละมุนภัณฑ์) มันเป็นข้อมูลที่จับต้องไม่ได้ แต่มันรู้สึกได้ คือ ถ้าทำแล้วก็ใช้ไปยาวๆ เลย มันก็จะอยู่ในกล่องนี่แหละ แต่ถ้าเป็นพวกกล่องพ่วง มันเป็น Hardware ที่ต้องลงทุนผลิตสูงกว่า ต้องมีเคสกล่อง มีเมนบอร์ด สายไฟ ฯลฯ และถ้าเบื่อก็ยังถอดขายได้ นี่คือความจริงครับ อย่าดราม่า เลือกเอาเองตามชอบครับ คนเราชอบไม่เหมือนกันครับ…
เปลี่ยนเทอร์โบ ISUZU 3000
ถ้าจะขยับสเต็ปเพิ่มขึ้น ก็ต้องเปลี่ยนเทอร์โบใหม่ ถ้าเป็นสาย ISUZU ก็สเต็ปยอดฮิต เอาเทอร์โบรุ่นเครื่อง 3000 มาใส่ เพราะรถกระบะแต่งส่วนใหญ่เป็นรถรุ่นขับสองล้อธรรมดา (ตัวเตี้ย) ซึ่งจะมีเฉพาะเครื่อง 2500 อย่างเดียว การเปลี่ยนเทอร์โบเป็นสเต็ปแรกในการทำแรง ได้รับความนิยมมากจนมีการแข่งรุ่นเทอร์โบ 3000 และก็เล่นกันเร็วมากตอนนี้ในรูปแบบ Drag Racingเทอร์โบ 3000 ถ้าเป็นของแท้จะเป็นแบรนด์ IHI (ไอเอชไอ นะครับ ไม่ใช่ อีฮิ) ถ้าเบิกศูนย์ของแท้แกะกล่องอยู่ราวๆ 16,000 บาท แต่ถ้าหาของถูกจากร้านอะไหล่ข้างนอก ก็จะถูกลงไม่ถึงหมื่น แต่ถ้าจะเล่น “เทอร์โบจีน” ก็อยู่ไม่เกิน 8,000 บาท แต่ก็ต้องทำใจว่าความคงทนหรือความสวยงามสู้ของแท้ไม่ได้…
โมหมกใบ
สเต็ปต่อไปของการโมดิฟายเทอร์โบ ก็คือการ “เปลี่ยนใบ” เพื่อให้กวักลมได้มากขึ้น เพิ่มบูสต์ให้หนักหน่วงขึ้น ก็จะว่าถึงสเต็ปวิ่งใช้งานบนถนนนะครับ ถ้าสเต็ปแข่งขันมันจะมีสูตรมากมายและค่าใช้จ่ายจะบานออกไป เกินความจำเป็นของรถใช้งานไปเยอะ เอาละครับ ใบที่จะเปลี่ยนก็มีให้เลือกหลากหลาย แต่ยอดนิยมสำหรับรถวิ่งถนน จะเป็นใบที่สร้างขึ้นใหม่ เปลี่ยนมุมใบให้ชันขึ้น กวักลมได้มากขึ้น ราคา 3,XXX บาท สเต็ปต่อไป เป็นใบที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิมทั้งหมด จะเป็นใบแบบ Billetที่กัดขึ้นมาจากเหล็กทั้งชิ้น ไม่ใช่การหล่อขึ้นรูป จะได้ความแข็งแรงและน้ำหนักเบากว่า ยอดใบจะมีขนาดใหญ่ถึง 44 มม. ฐานใบ จำนวนใบ เยอะกว่าใบเดิมแบบคนละเรื่อง ราคาเฉพาะใบอยู่ที่ 5,XXX บาทแต่ถ้าจะเอาเหนือขึ้นไปอีก ก็ต้องแต่งโข่งหลังให้ไอเสียวิ่งดีขึ้น เปลี่ยนใบเทอร์โบไอเสียใหม่ งบก็จะบานไปเรื่อยๆ ถึงขนาดเปลี่ยนชุดเสื้อกลางเทอร์โบพร้อมชุดใบที่ใหญ่ขึ้นอีก งบประมาณก็ต้องเพิ่มไปอีกเกือบสองหมื่นบาท แต่แรงสะใจ ถ้าเครื่อง 2500 จะได้แรงม้าแถวๆ 300-320 ถ้าเครื่อง 3000 จะเพิ่มไปแถวๆ 350 แรงม้า ++ อันนี้คือไม่ได้ทำอะไรกับตัวเครื่องนะครับ เปลี่ยนเทอร์โบกับกล่องจูนแค่นั้นเอง ส่วนบูสต์ก็ปรับไว้ที่ 45ปอนด์ กำลังดีครับ ไม่โหมเครื่องมากไปจนโทรม…
อื่นๆ
มันมีมาเรื่อยๆ แหละถ้าต้องการ ถ้าจะให้น้ำมันป้อนมากขึ้น ต้องเปลี่ยน “หัวฉีด” ตามไปด้วย มันมีหลายสเต็ป แล้วแต่ความโตของรูหัวฉีด ถ้ารถวิ่งถนนแนะนำสเต็ปแรกก็พอ การตอบสนองดีและไม่มีควันดำมากนัก ไอ้เรื่องควันดำนี่แล้วแต่ความเชื่อว่ายิ่งดำเป็นพ่นหมึกยิ่งดี แต่จริงๆ ไม่ใช่เพราะถ้ามากเกินไปมันก็ “ส่วนผสมหนา” รถก็จะวิ่งอู้ๆ ไม่แรงครับ เปลืองด้วย ชุดหัวฉีดมีเยอะแยะ ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 8,XXX บาท จนไปถึง 1X,XXX กว่าบาท แล้วก็มี “ชุดคลัตช์” ก็ 1X,XXX บาท ส่วนอุปกรณ์อื่นๆ ก็แล้วแต่อัธยาศัย ราคาเปลี่ยนแปลงได้ตามที่เราเลือกครับ…
สรุป
ถ้าพูดถึงงบประมาณโดยสรุปในการโมดิฟายเพิ่มแรงม้าเครื่องยนต์ (เฉพาะส่วนนี้นะครับ ช่วงล่าง ของตกแต่งอื่นๆ ไม่เกี่ยว) ถ้าในสเต็ป 300 กว่าแรงม้าต้นๆ เบ็ดเสร็จรวมอยู่ประมาณ 1 แสนบาท โดยไม่แตะต้องตัวเครื่องยนต์ ถ้าแรงม้าระดับ 300 ปลายๆ ที่ต้องมีการเปลี่ยนอุปกรณ์โมดิฟายเครื่องยนต์ เช่น แคมชาฟต์ ลูกสูบ ก็ต้องเพิ่มงบไปแถวๆ 1 แสนปลายๆ หรือเกือบ 2 แสนบาท เพราะกล่อง ECU มันก็ต้องอัพสเต็ปตามไปด้วย ซึ่งโดยรวมจะคุ้มค่าหรือไม่ ก็ต้องตัดสินใจเองว่าพอใจกับแรงม้าขนาดไหน สมดุลย์กับงบประมาณที่มีหรือไม่ และยังต้องเผื่องบประมาณไว้ทำช่วงล่างเพิ่มอีก ชุดโช้คอัพแต่งของไทยอยู่แถวๆ 12,000 บาท อื่นๆ ยาง ล้อ อันนี้แล้วแต่เลือก โดยรวมก็ประมาณนี้ครับ แต่บอกไว้ก่อนว่า “แนะนำเพื่อการเพิ่มสมรรถนะสำหรับใช้งาน” และ “ไม่สนับสนุนการแข่งรถบนท้องถนนหลวง” โดยเด็ดขาดนะครับ แล้วพบกันใหม่ครับ…
ภาพประกอบเรื่องจากเพจ Drag Diesel Thailand www.facebook.com/dragdieselthailandwww.xo-autosport.comwww.google.com