เป็นการกลับมาอีกครั้งของรถยนต์ขนาดเล็กที่กำลังสั่นสะเทือนวงการรถยนต์ในเซกเมนต์นี้ หลังจากประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีในรุ่นที่ผ่านมา และได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ในปี 2557 มาสด้า 2 ได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับรถยนต์ซับคอมแพค มาในครั้งนี้ต้องบอกว่า มาสด้า 2 พกความมั่นใจมาอย่างเต็มเปี่ยม จากแนวคิดในการพัฒนาที่ว่า “สะเทือนทุกความเชื่อที่มีในรถขนาดเล็ก” จากความสำเร็จกับตำแหน่งรถยนต์ซับคอมแพคที่ดึงดูดใจที่สุดในโลก สู่การสร้างสรรประสบการณ์การขับขี่ที่ดีที่สุด ควบคู่ไปกับประโยชน์ใช้สอยที่สมบูรณ์แบบและใกล้เคียงความเป็นอุดมคติมากที่สุด
การบ้านข้อใหญ่สำหรับคู่แข่งในเซกเมนต์นี้ เมื่อมาสด้า 2 ได้นำเอาระบบ GVC ที่ช่วยให้รถเคลื่อนที่ได้อย่างนุ่มนวลมากขึ้น มาใส่ไว้และเมื่อรวมกับการปรับแต่งช่วงล่างและพวงมาลัยด้วยแล้ว มันจึงเป็นอะไรที่ต้องบอกว่า สมบูรณ์แบบมากขึ้นและให้ความเร้าใจสนุกและผ่อนคลายมากขึ้นไปอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตัวที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 1.5 ลิตร ที่ต้องบอกว่ามันตอบสนองได้ในทุกอัตราเร่ง หลังจากที่ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่าเดิม ด้วยระบบ DE Boost Control ที่ช่วยตอบสนองได้แม่นยำทุกความต้องการ น้ำหนักของเครื่องยนต์ที่เบาและให้ความนุ่มนวลยิ่งกว่าเดิม จนดูเหมือนว่า เจ้ารถคันนี้มันเหมาะสำหรับวัยรุ่นเป็นพิเศษ ยิ่งเมื่อใส่เทคโนโลยีความปลอดภัย i-ACTIVSENSE เข้ามาให้ด้วยแล้ว มันยิ่งตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ตรงประเด็น
ว่ากันถึงเรื่องรูปลักษณ์หน้าตา ภายใต้รูปทรงที่ดูกระทัดรัด และโฉบเฉี่ยวในทุกมุมมอง จึงไม่น่าแปลกใจกับผลงานระดับมาสเตอร์พีชที่อัดแน่นไปด้วยเสน่ห์ของความเป็น โคโดะ ดีไซน์ ที่สรรสร้างรูปทรงให้ดูมีชีวิตชีวา โดยที่แนวคิดหลักสำหรับการออกแบบมาสด้า 2 ในครั้งนี้คือ “เติมความตื่นเต้นให้กับชีวิตที่มีสีสัน” มันจึงเป็นความยากที่จะปฏิเสธการปลุกเร้าที่สามารถสะกดทุกสายตาให้จับจ้องมองความงดงามโฉบเฉี่ยวตั้งแต่หน้าจรดท้าย
กระจังหน้าทรงห้าเหลี่ยมคางหมูที่ล้อมกรอบด้วยโครเมี่ยมโดยมีสัญลักษณ์มาสด้าอยู่ตรงกลาง ขนาบด้วยโคมไฟหน้าที่มีไฟ LED Day Time Running Light ในแบบสายตาเหยี่ยวที่ดูดุคม กับชายล่างที่ฝังไว้ด้วยไฟตัดหมอก เหลียวไปมองด้านข้าง เราจะพบไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้าง และส่วนโค้งส่วนเว้าเส้นสายลายเส้นที่เน้นความโฉบเฉี่ยวได้อย่างลงตัว โดยที่บริเวณเหนือหลังคาได้รับการติดตั้งเสาอากาศแบบ Shark Fin ชวนให้น่ามองขึ้นไปอีกขั้น
ในส่วนของภายในห้องโดยสารนั้น แม้ว่ารูปทรงที่ดูกระทัดรัดจนทำให้หลายคนคิดว่า มันเป็นรถที่มีขนาดเล็ก แต่เมื่อก้าวเข้าสู่ภายในห้องโดยสารแล้ว พื้นที่มีมาให้มากพอสำหรับคนตัวใหญ่ๆ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของพื้นที่ว่างเหนือศีรษะ รวมไปถึงพื้นที่สำหรับการวางเท้าทั้งในส่วนของผู้ขับขี่และผู้โดยสารทั้งตอนหน้าและตอนหลัง เบาะนั่งเป็นแบบหนังที่ออกแบบมาให้กระชับรับกับตัวเรียกว่าไม่ลืมในส่วนของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่เป็นวัยรุ่น โดยเฉพาะในส่วนของพวงมาลัยที่หยิบยืมเอาจากมา มาสด้า ซีเอ็กซ์-9 แป้นกลางพวงมาลัยมีขนาดเล็กแต่เส้นรอบวงมีขนาดที่เท่าเดิม ช่วยให้รูปทรงโดยรวมดูเฉียบคมขึ้น ให้ความสะดวกสบายต่อการใช้งานและบังคับควบคุมไปกับปุ่มสวิตซ์สามแถวบนพวงมาลัย
เติมอารมณ์การขับขี่ที่สนุกสนานไปกับหน้าจอสกรีนใส Active Driving Display ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องละสายตาจากท้องถนน มาตรวัดต่างๆ แสดงผลได้ชัดเจนและอ่านง่าย โดยเฉพาะในส่วนของจอสกรีนใส ที่ผ่านการอัพเกรดเป็นหน้าจอสีที่เพิ่มความสว่าง และความคมชัดมากกว่าเดิม โดยมีสัญญาณเตือนต่างๆ แสดงผลเป็นสีแดงและสีเหลืองอำพัน และแน่นอนว่า ปรัชญา จินบะ – อิตไต ที่ได้รับการพัฒนากันมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับตัวรถ ที่มุ่งเน้นให้ผู้ขับขี่คือศูนย์กลางมาโดยตลอดยังคงถูกนำมาใช้ โดยเฉพาะระบบ HMI (Human-Machine Interface) ที่ออกแบบห้องโดยสารให้ผู้ขับเป็นศูนย์กลางเพื่อความเป็นหนึ่งเดียวกันของผู้ขับและรถ พร้อมเปิดความสนุกบนโลกออนไลน์ ให้ทุกการเชื่อมต่อไม่มีสะดุด กับเทคโนโลยี MZD CONNECT ด้วยฟังก์ชั่นการเชื่อมต่อสุดล้ำที่คอนโทรลได้ง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส แสดงผลผ่าน CENTER DISPLAY จอทัชสกรีนขนาด 7 นิ้ว รวมไปถึงการเรียกดูข้อมูลผ่านระบบสั่งงานด้วยเสียง โดยมีปุ่มหมุนที่คอนโทรลกลาง
เครื่องยนต์สำหรับมาสด้า 2 มีให้เลือกด้วยกัน 2 แบบทั้งเครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV-G 1.3 ที่ให้อัตราส่วนการอัดสูงถึง 12.0:1 และแรงม้า 93 ตัว ผนวกกับแรงบิดสูงสุด 123 นิวตัน- เมตร มาพร้อมกับสวิตช์ Drive Selection ที่สามารถเลือกโหมด Sport ได้เมื่อต้องการการเร่งแซง กับเครื่องยนต์ SKYACTIV-D 1.5 ที่มาพร้อมเทอร์โบแปรผันอินเตอร์คูลเลอร์ ซึ่งต้องบอกว่าสำหรับเครื่องยนต์ตัวนี้ต้องขอแนะนำเป็นพิเศษ ด้วยความประทับใจในทุกอัตราเร่ง ไล่กันตั้งแต่ยามออกตัวจากจุดหยุดนิ่ง ไปถึงทุกรอบการขับขี่ที่ต้องบอกว่าตอบสนองต่อการขับขี่ได้อย่างดีเยี่ยม ให้แรงบิดที่สูงมากถึง 250 นิวตัน-เมตร พร้อมหัวฉีดโซลินอยด์ ที่ฉีดน้ำมันได้แม่นยำและมีประสิทธิภาพ อัตราส่วนการอัดต่ำเพียง 14.8:1 ที่สำคัญเจ้าเครื่องยนต์ตัวนี้มันประหยัดน้ำมันได้อย่างน่าประทับใจ
ทุกการขับขี่ไม่ว่าจะเป็นทางตรงๆ หรือทางโค้ง ทางลาดชัน การขับเร่งแซง ให้ความรู้สึกที่มั่นใจไปกับ G-Vectoring Control GVC ซึ่งเป็นระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะ โดยที่ระบบนี้จะทำงานโดยการประมวลผลจากการบังคับพวงมาลัย ความเร็วของรถ รวมถึงน้ำหนักของเท้าที่กดลงบนแป้นคันเร่ง จากนั้นระบบจะควบคุมแรงบิดของเครื่องยนต์ และเกิดการถ่ายน้ำหนักที่เหมาะสมไปสู่แต่ละล้อ ทำให้รถเกาะถนนได้ดียิ่งขึ้น ควบคุมได้แม่นยำในทุกสถานการณ์ i-stop มีมาให้สำหรับผู้ที่รักในการขับรถแบบประหยัดน้ำมัน Paddle Shift สำหรับผู้ที่ต้องการปรับเปลี่ยนเกียร์ตามที่ตัวเองต้องการ
ว่ากันถึงสมรรถนะในเรื่องของระบบช่วงล่างแล้ว ต้องบอกว่า นำมาซึ่งความประทับใจ เจ้ามาสด้า 2 คันนี้มันถูกสร้างมาเพื่อการขับขี่ที่สนุกสนานอย่างแท้จริง มีการปรับเซ็ตช่วงล่างให้นุ่มขึ้น โดยเฉพาะตัวบูชที่เหล็กกันโคลงหน้า ที่สามารถจะให้ตัวได้เมื่อมีการเข้าโค้งก่อนที่เหล็กกันโคลงจะทำงาน ผลที่ได้คือ ช่วงล่างตอนหน้าจะเคลื่อนตัวอย่างราบรื่นและเที่ยงตรง โดยที่ตัวบูชจะคืนรูปเมื่อน้ำหนักถ่ายเทมาเพิ่มขึ้นในขณะเข้าโค้ง เหล็กกันโคลงจะทำหน้าที่ช่วยควบคุม นอกจากนั้นแล้วมุมของจุดยึดบูชของทอร์ชั่นบีมยังได้รับการปรับปรุงเพื่อให้ช่วงล่างหลังทำงานได้สอดคล้องกับช่วงล่างด้านหน้า เมื่อช่วงล่างหลังทำงานทันทีที่ช่วงล่างหน้าเริ่มทำงาน ระบบก็จะทำให้ตัวรถเคลื่อนที่ได้อย่างมั่นคง ยังมีในส่วนอื่นที่ช่วยทำให้เกิดความนุ่มนวลในมาสด้า 2 นั่นคือในส่วนของโครงสร้างวาล์วภายในแดมเปอร์หน้าและหลัง ซึ่งมีการปรับปรุงใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดการสั่นสะเทือนสู่ห้องโดยสาร แน่นอนว่าเมื่อมีการปรับเปลี่ยนมุมจุดยึดของบูชที่ทอร์ชันบีมแล้วยังช่วยลดการโยนตัวไปมาของล้อหลังด้วย นอกจากนั้นแล้วยังมีการปรับแต่งลักษณะแฝงของบูชหลังที่แขนล่างของช่วงล่างหน้า ทำให้ได้มาซึ่งจังหวะที่มั่นคง โดยที่มีการเปลี่ยนบูชใหม่ให้ได้โครงสร้างที่ตำแหน่งของแขนยึดนั้นอยู่กึ่งกลางตัวบูชพอดี เมื่อล้อสัมผัสพื้นถนนและมีการถ่ายน้ำหนักลงสู่ช่วงล่าง
ระบบความปลอดภัยและช่วยให้การขับขี่มีความมั่นใจมากขึ้น นอกจากระบบเทคโนโลยีต่างๆ ที่ถูกจับนำมาใส่ไว้ในมาสด้า 2 อย่างที่กล่าวมาแล้วข้างต้นนั้น ยังคงมีในเรื่องของระบบ i-Activsense ที่ช่วยเตือนเมื่อมีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุ ระบบ ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring) ซึ่งเป็นระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ช่วยส่งสัญญาณเตือน หากตรวจพบรถในเลนด้านข้างที่กำลังแซงขึ้นมา ระบบ RCTA (Rear Cross Traffic Alert) ที่คอยเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาในขณะถอยหลัง พร้อมไฟกระพริบเตือนที่กระจกมองข้างในขณะขับรถถอยหลัง ระบบ ESS (Emergency Signal System) ซึ่งเป็นสัญญาณไฟกระพริบเมื่อเบรกรถในภาวะฉุกเฉิน ABS 4 ล้อพร้อม EBD ช่วยกระจายแรงเบรก DSC (Dynamic Stability Control) ช่วยควบคุมเสถียรภาพและการทรงตัวของรถ HLA (Hill Launch Assist) ช่วยในเรื่องการออกตัวเมื่อรถจอดอยู่บนทางลาดชัน และ TCS (Traction Control System)ช่วยป้องกันรถลื่นไถล รวมถึงจอแสดงภาพกล้องมองหลังอีกด้วย
มาสด้า 2 ส่งเข้าประกวดด้วยกันทั้งหมด 7 รุ่น 2 เครื่องยนต์ 7 สี โดยที่เครื่องยนต์เบนซิน ราคาเริ่มต้นที่ 530,000 บาทในรุ่น Standard ขยับขึ้นไปที่รุ่น High ราคา 590,000 บาท High Connect ราคา 620,000 บาท High Plus ราคา 670,000 บาท ส่วนรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล เริ่มที่รุ่น XD ราคา 680,000 บาท รุ่น XD High Connect ราคา 750,000 บาท และ XC High Plus L ราคา 789,000 บาท