Lotus Exige Cup 380 สปอร์ตตัวแรงที่ผสมผสานอย่างลงตัวในความเป็น Road Car และ Race Car มากับงานยกระดับด้านสมรรถนะเต็มขั้น ตั้งแต่โครงสร้างตัวถังที่เสริมด้วยวัสดุอลูมิเนียม เพื่อความแข็งแกร่ง และลดน้ำหนักจนเหลือเพียง 1,057 กก. ส่วนการปรับแต่งรูปลักษณ์เน้นหลักอากาศพลศาสตร์ด้วยการติดตั้งชุดพาร์ท ที่ทำจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์เพื่อลดน้ำหนัก และเสริมสถียรภาพบนความเร็วสูง ซึ่งผลจากการทดสอบในอุโมงค์ลมสามารถสร้างแรง Downforce ได้มากกว่า 200 กก. เมื่อใช้ความเร็วสูงสุดที่ 175 ไมล์/ชม.
ส่วนภายในห้องโดยสารปรุงแต่งความสปอร์ตเพิ่มเติมด้วย เบาะนั่งทรงสปอร์ตทำจากคาร์บอนไฟเบอร์หุ้มหนัง Alcantara, พวงมาลัยหุ้มหนัง Alcantara และกาบบันไดที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ โดยถ้าอยากได้อารมณ์สปอร์ตเต็มพิกัดก็สามารถจ่ายเพิ่มเพื่อเปลี่ยนแผงประตู, คอนโซลหน้าคาร์บอนไฟเบอร์ได้ด้วยเช่นกัน
ทางด้านขุมพลังมากับเครื่องยนต์เบนซินพิกัด 3.5 ลิตรแบบ V6 พ่วง Superchargerd ที่ปรับแต่งใหม่จนได้พละกำลังเพิ่มขึ้นเป็น 380 แรงม้า และแรงบิดที่ 410 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีดที่ปรับอัตราทดใหม่ให้ชิดมากขึ้น ตลอดจนการปรับแต่งระบบ ESP ใหม่ โดยจะมีให้เลือกใช้ 3 โหมด คือ Drive, Sport, Race และ Off เพื่อเน้นอารมณ์สปอร์ตในการขับขี่มากขึ้น เพื่อรองรับสมรรถนะที่มากขึ้นระบบช่วงล่างได้มีการปรับเซ็ทใหม่ เช่น ชุดโช๊คอัพที่เลือกใช้แบรนด์ Nitron และสปริงจากแบรนด์ Eibach ตามด้วยการเพิ่มความมั่นคงด้วยเหล็กกันโคลง และยาง Michelin รุ่น Pilot Sport Cup 2 ซึ่งเปลี่ยนด้านหลังให้มีความกว้างขึ้นจากเดิม 265/35 ZR18 เป็น 285/30 ZR18 ส่วนด้านหน้ายังคงมากับขนาด 215/45 ZR17 ปิดท้ายด้วยการอัพเกรดระบบเบรกใหม่ที่เปลี่ยนไปใช้แบรนด์ AP Racing กับคาลิปเปอร์ 4 Pot ทั้งด้านหน้า และด้านหลัง
ส่วนสมรรถนะของการอัพเกรดในครั้งนี้ Lotus Exige Cup 380 สามารถทำอัตราเร่งจาก 0 – 60 ไมล์/ชม. ได้ในเวลา 3.4 วินาที พร้อมด้วยความเร็วสูงสุดในระดับ 282 กม./ชม. ตอกเวลาบนสนามทดสอบ Hethel เอาไว้ที่ 1 นาที 26 วินาที เท่านั้นยังไม่พอ หากใครที่ต้องการความเร้าใจแบบเต็มขั้นทาง Lotus ก็ได้เตรียมออพชั่นพิเศษไว้ให้เช่นกันด้วยชุดท่อไอเสียไททาเนียมที่ลดน้ำหนักด้านหลังลง 10 กก., ชุด Roll Cage ที่ผ่านมาตฐานการรับรองจาก FIA, Harness สไตล์รถแข่ง, สวิทช์ตัดไฟ และถังดับเพลิงอีกด้วย
