เคยสงสัยไหมว่ารหัสบนถังน้ำมันเครื่องที่มีทั้งตัวเลขและภาษาอังกฤษมีความหมายว่าอย่างไร แล้วจะเลือกใช้งานแบบไหนดีเพราะมีหลายเบอร์เหลือเกิน 10 บ้าง 20 บ้าง บางที 50 และ 60 ยังเคยเห็น นี่ยังไม่รวมรหัสด้านหน้าที่มีตัวเลขและตัวอักษรภาษาอังกฤษ เพื่อช่วยลดความสับสนเรามีคำอธิบายง่ายๆ มาแนะนำ
รหัสความหนืดของน้ำมันเครื่อง โดยค่าความหนืดของน้ำมันเครื่องนั้นจะถูกทดสอบโดยสถาบัน สมาคมวิศวกรรมยานยนต์หรือ SAE (SOCIETY OF AUTOMOTIVE ENGINEERS) โดยค่าความหนืดนั้นจะเป็นตัวเลข 5,10,15,30,40,50 ดังตัวอย่างเช่น รหัสยอดนิยมอย่าง 5W 40
5W : หมายถึง ค่าความหนืดของน้ำมันเครื่องในอุณหภูมิที่ติดลบหรืออุณหภูมิที่เย็นจัด โดยตัวอักษร “W” บ่งบอก ชุดตัวเลขค่าความหนืดเกรดฤดูหนาว (Winter) หรือค่าความหนืดที่อุณหภูมิต่ำ ซึ่งน้ำมันเครื่องตัวนี้มีค่าความหนืดอยู่ในเกรดที่ 5 ถ้าตัวเลขยิ่งน้อย ก็แสดงว่าค่าความหนืดของน้ำมันเครื่องตัวนั้นยิ่งต่ำตามไปด้วย
40 : หมายถึง ค่าความหนืดเกรดฤดูร้อน หรือค่าความหนืดที่อุณหภูมิสูง ณ อุณหภูมิการทำงานจริงของเครื่องยนต์ วัดที่ 100°c ค่ายิ่งมาก แสดงถึงความหนืดมาก หากความหนืดมีค่าน้อยเกินไปเมื่อเครื่องยนต์ทำงานที่อุณหภูมิสูง จะทำให้ประสิทธิภาพในการปกป้องเครื่องยนต์ลดลง ซึ่งน้ำมันเครื่องตัวนี้มีค่าความหนืดอยู่ในเกรดที่ 40 โดยตัวเลขที่แบ่งเกรดค่าความหนืดนั้น ถ้าตัวเลขยิ่งมาก ก็แสดงว่าค่าความหนืดของน้ำมันเครื่องตัวนั้นยิ่งสูงตามไปด้วย
โดยปกติแล้วการเลือกน้ำมันเครื่องของรถแต่ละคันนั้นให้อิงตามคู่มือที่ติดมากับตัวรถ แต่ถ้าเกิดเมื่อใช้รถยนต์หนักและเครื่องยนต์มีอายุมากและกินน้ำมันเครื่อง ควรมีการปรับเบอร์ขึ้นไป 1 เบอร์เพื่อป้องกันการรั่วของกำลังอัด แต่ถ้ารถยนต์อยู่ในสภาพปกติและอากาศไม่ร้อนมาก ควรเลือกน้ำมันเครื่องที่มีความหนืดน้อยๆเพื่อที่ตัวน้ำมันเครื่องจะได้สามารถไหลผ่านไปได้ง่าย