ผู้ใช้รถคงหนีไม่พ้นการการพ่วงแบตเตอรี่ อาจจะทุกๆ 2 ปีเลยก็ว่าได้ เพราะว่าถึงอายุไขของแบตเตอรี่ที่ใช้ทำให้เก็บไฟได้น้อยลงส่งผลให้กระแสไฟไม่เพียงพอต่อการสตาร์ท การพ่วงแบตเตอรี่อาจจะฟังดูง่ายเหมือนปลอกกล้วยเพียงแค่เอาสายพ่วงมาคีบแบตเตอรี่สองลูกแล้วก็สตาร์ทได้เลย แต่จริงแล้วการพ่วงแบตเตอรี่มีมากกว่านั้น ซึ่งถ้าพ่วงผิดวิธีอาจทำให้ระบบไฟพังได้เลยนะ เพื่อไม่ให้เสียเวลาเรามาดูวิธีพ่วงแบตเตอรี่ที่ถูกต้องกันดีกว่า
ก่อนอื่นเลยเราต้องเตรียมพร้อมสายพ่วงแบตเตอรี่ ถึงแม้ว่าสายพ่วงแบตเตอรี่จะมีหน้าตาเหมือนๆ กันเราควรเลือกสายไฟที่มีขนาดใหญ่โดยหน่วยปริมาณทองแดงที่นิยมเลือกใช้คือ 25 sq.mm. หรือ 35 sq.mm. ถัดมาให้เลือกดูคีมคีบขั้วแบตเตอรี่ด้วย โดยให้เลือกปากคีมที่มีขนาดใหญ่ได้มาตรฐาน มีแรงหนีบมั่นคงแข็งแรง อันดับต่อมาก็คือเลือกขนาดความยาวของสายพ่วงแบตเตอรี่ ควรใช้ความยาวประมาณ 2 – 2.5 เมตร เพื่อการเก็บที่ง่ายและสะดวกต่อการใช้งาน
วิธีการพ่วงแบตเตอรี่ อันดับแรก ต้องสำรวจรถคันที่นำมาต่อพวงด้วยว่า กระแสไฟของแบตเตอรี่รถยนต์แต่ละคัน เหมือนกันตรงกันหรือไม่ คือการดูจำนวนแอมป์ที่เท่ากันหรือมากกว่า และก่อนทำการต่อพ่วงสายไฟ ควรดับเครื่องยนต์ทั้งสองคนก่อน นำสายเส้นสีแดงไปต่อที่ขั้วบวก + ของรถทั้งสองคันโดยต่อคันที่มีไฟก่อนแล้วค่อยต่อคนที่แบตเตอรี่หมด นำสายเส้นสีดำ ไปต่อที่ขั้ว – ของรถที่นำมาช่วยในการต่อพวงโดยปลายทางของสายเส้นดำให้หนีบกับที่ขั้ว – หรือตัวถังที่เป็นเหล็กของรถคันที่แบตเตอรี่หมด จากนั้นก็สตาร์ทรถคันที่นำมาช่วยต่อพ่วงเหยียบคันเร่งให้เกินกระแสไฟ แล้วเริ่มสตาร์ทรถคันที่แบตเตอรี่หมด โดยเร่งเครื่องในอัตรา 1,500–2,000 รอบต่อนาที เพื่อให้แน่ใจว่ามีกระแสไฟเข้าแบตเตอรี่แล้วหรือยัง แต่ถ้ายังสตาร์ทไม่ติดก็ลองสตาร์ทใหม่อีกครั้ง พอเครื่องกลับมาใช้งานปกติ ก็ปล่อยทิ้งไว้สัก 1-2 นาทีก่อน
พอรถสตาร์ทติดก็สามารถถอดสายพ่วงได้โดยเริ่มถอดจากขั้วลบคันที่แบตเตอรี่หมดออกก่อน และถอดขั้วลบอีกคันที่มาช่วย หลังจากนั้นก็ถอดขั้วบวกคันที่มาช่วย สุดท้ายจึงถอดสายพ่วงขั้วบวกคันที่รถแบตเตอรี่หมดตามลำดับก็เป็นอันเสร็จสิ้น แต่เราต้องระวังไม่ให้สายพ่วงต่างสีมาสัมผัสกัน เพื่อความปลอดภัยระหว่างใช้งานด้วย