เป็นที่ทราบกันดีว่ากฎหมายกำหนดให้รถทุกคันที่จะนำมาใช้งานบนท้องถนนได้จะต้องจดทะเบียนถูกต้องและต้องมีการชำระภาษีรถประจำปีทุกปี โดยวันครบกำหนดชำระภาษีรถประจำปีของรถแต่ละคันจะไม่ตรงกัน ขึ้นอยู่กับวันจดทะเบียนของรถคันนั้นๆ เพื่อให้เจ้าของรถเตรียมการและสามารถดำเนินการชำระภาษีรถประจำปีได้ทันเวลาอย่างง่ายดายเพียง 3 ขั้นตอน
1.ตรวจสอบวันครบอายุภาษีรถประจำปี ซึ่งจะตรงกับวันที่และเดือนในการจดทะเบียนรถครั้งแรก โดยตรวจสอบได้จากคู่มือรถ หรือเครื่องหมายการเสียภาษี หรือเข้าเว็บไซต์ชำระภาษีรถออนไลน์ของกรมการขนส่งทางบกhttps://eservice.dlt.go.th/ เลือกเมนู สอบถามข้อมูลค่าภาษีรถประจำปี สามารถตรวจสอบได้ทั้งวันครบอายุภาษีรถ อัตราค่าภาษีที่ต้องชำระ และหากเป็นรถที่เข้าข่ายต้องนำไปตรวจสภาพรถก่อนจะปรากฏข้อมูลแจ้งให้เจ้าของทราบด้วย
2.เตรียมเอกสารหลักฐาน ประกอบด้วย คู่มือรถฉบับจริงหรือสำเนา, จัดทำประกันภัยตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ และหากเป็นรถที่เข้าข่ายต้องตรวจสภาพให้นำเข้าตรวจกับสถานตรวจสภาพรถเอกชนให้เรียบร้อยก่อน เช่น รถยนต์ที่มีอายุการใช้งานครบ 7 ปีขึ้นไป รถจักรยานยนต์ที่มีอายุการใช้งานครบ 5 ปีขึ้นไป หรือรถที่ติดตั้งแก๊สต้องมีหนังสือรับรองการตรวจสอบและทดสอบตามระยะเวลาที่กำหนด
3.ชำระภาษีรถประจำปีล่วงหน้า กรมการขนส่งทางบกอำนวยความสะดวกให้สามารถชำระภาษีรถประจำปีได้ล่วงหน้า 90 วันก่อนครบอายุภาษี ดังนั้น หลังจากทราบวันครบอายุภาษี เตรียมเอกสารหลักฐานเรียบร้อยแล้ว ควรดำเนินการชำระภาษีล่วงหน้า โดยมีช่องทางให้เลือกใช้บริการหลายช่องทาง
สำหรับรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ รถเก๋ง รถกระบะ รถตู้ ที่มีอายุการใช้งานไม่เกิน 7 ปี และรถจักรยานยนต์ที่มีอายุการใช้งานไม่เกิน 5 ปี ไม่มีภาษีค้างชำระหรือค้างชำระไม่เกิน 1 ปี แนะนำให้ชำระภาษีรถประจำปีผ่านช่องทางออนไลน์ เว็บไซต์ https://eservice.dlt.go.th, แอปพลิเคชัน DLT Vehicle Tax, เคาน์เตอร์เซอร์วิส, โมบายล์แอปพลิเคชัน mPAY และ Truemoney Wallet, ตู้รับชำระภาษีรถประจำปีอัตโนมัติ (Kiosk) ส่วนรถที่เข้าข่ายต้องตรวจสภาพก่อนชำระภาษี แนะนำบริการเลื่อนล้อ ต่อภาษี (Drive Thru for Tax) ชำระภาษีโดยไม่ต้องลงจากรถ, บริการช้อปให้พอ แล้วต่อภาษี (Shop Thru for Tax) รับชำระภาษีที่ห้างสรรพสินค้าในวันเสาร์-อาทิตย์, ที่ทำการไปรษณีย์, ธนาคารพาณิชย์ที่ร่วมโครงการกับกรมการขนส่งทางบก หรือที่สำนักงานขนส่งทุกแห่งทั่วประเทศ