ต้องว้าวุ่นกันอีกแล้วว เมื่อซูซูกิ มอเตอร์ ส่งยานยนต์รุ่นใหม่
เขย่าตลาดรถครอสโอเวอร์ และก้าวสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน
กับ ALL NEW SUZUKI XL7 HYBRID “ลุยไปอีกขั้นกับขุมพลังไฮบริด”
Empower Your Journey แถมประหยัดน้ำมันขั้นสุดถึง 19.2 กม./ลิตร
ตั้งแต่การเปิดตัว SUZUKI XL7 รถในกลุ่มครอสโอเวอร์ คันล่าสุดของ ซูซูกิ อย่างเป็นทางการในประเทศไทย เมื่อช่วงต้นเดือนกรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา SUZUKI XL7 ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทั้งในเรื่องการออกแบบที่ดูสปอร์ตขึ้น อุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ครบครัน มีความคล่องตัวภายในเมือง แต่สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้มากถึง 7 คน และการวางระดับราคาที่ทำให้ SUZUKI XL7 เป็นรถที่คุ้มราคาที่สุด โดยนายทาดาโอะมิ ซูซูกิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทซูซูกิมอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ได้มาร่วมกิจกรรมทดสอบในวันที่ 18 มีนาคม 2567 ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ท่ามกลางกระแสยุคเปลี่ยนผ่านรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปสู่ยุครถยนต์ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเพื่อให้เกิดความเป็นกลางทางคาร์บอน ซูซูกิ เองก็มีแผนหลายๆอย่างเพื่อรักษากลุ่มลูกค้าซูซูกิ ด้วยการเสริมสร้างเครือข่ายการขายและภาพลักษณ์ของแบรนด์ ฯลฯ
รวมไปถึงขยายฐานตลาดรถยนต์นั่งให้มีความหลากหลาย ทั้งนวัตกรรมในการออกแบบ รูปแบบและเทคโนโลยีในการขับเคลื่อนมากขึ้นให้เหมาะกับความต้องการของตลาด และไลฟ์สไตล์ของลูกค้า ตลอดจนมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนของสังคมไทยอย่างมีขั้นตอน
สำหรับ NEW SUZUKI XL7 HYBRID ที่สื่อมวลชนได้ทดสอบ ก็เป็นรถยนต์อีก 1 รุ่น ที่เราตั้งใจนำเทคโนโลยี HYBRID ในแบบ
ที่ราคาสมเหตุสมผลไม่สูงขึ้นมาก แต่มีประสิทธิภาพในการขับขี่ทีดีขึ้นและมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาที่ต่ำ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาเพื่อตอบแทนลูกค้าด้วยความจริงใจ NEW SUZUKI XL7 HYBRID คันนี้จึงมาพร้อมด้วยอุปกรณ์ที่ครบครัน และคุ้มค่าที่สุด สำหรับผู้บริโภคชาวไทย NEW SUZUKI XL7 HYBRID แตกต่างกับ SUZUKI XL7 รุ่นเดิมอย่างไรบ้าง
- กระจังหน้าดีไซน์ใหม่ ให้มุมมองทางด้านหน้ามีความพรีเมียมเพิ่มมากขึ้น
- ทางด้านหลัง ออกแบบ Chrome Back Garnish ให้มีความโดดเด่น พร้อมป้าย HYBRID
- ระบบไฟหน้า เปิด-ปิด อัตโนมัติ พร้อม ฟังก์ชัน Guide Me ที่ระบบจะทำงานอัตโนมัติ เพื่อส่องทางเข้าบ้าน และเมื่อเดินเข้าหาตัวรถ ให้ความสะดวกสบาย และความปลอดภัย
- Idling STOP ที่ช่วยลดการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเมื่อรถหยุดสนิท
- Cruise Control ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทางไกล
- โหมดแสดงการทำงานของระบบ HYBRID ผ่านชุดจอ MID (Multi Information Display)
- ระบบไฮบริด (Battery Lithium 10Ah 12V) ของเดิม 6 Ah
- Update หน้าจอสัมผัสความคมชัดสูง ขนาด 10.1 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay / Android Auto
- ระบบ พับ-กาง กระจกมองข้าง อัตโนมัติ
ไฮไลท์ของ NEW SUZUKI XL7 HYBRID
- ห้องโดยสารกว้างขวาง : SUZUKI XL7 HYBRID เป็นรถยนต์ที่ออกแบบให้นั่งสบายทั้ง7ที่นั่ง โดยคำนึงถึงการขับขี่ในเมืองและนอกเมือง สามารถโดยสารกันได้หลายคน พร้อมกับพื้นที่เก็บสัมภาระที่กว้างขวาง
- SUZUKI XL7 Hybrid มีความคุ้มค่า : เป็นรถยนต์เอนกประสงค์ที่มีสมรรถนะในการขับขี่ที่ดีประหยัดน้ำมันใช้งานได้ทั้งในเมืองและนอกเมืองโดยเฉพาะนอกเมืองประหยัดถึง 19.2 กม./ลิตร (ตามมาตรฐาน Eco Sticker)
- เทคโนโลยีระบบไฮบริด ที่พัฒนาให้ช่วยเสริมประสิทธิภาพการขับขี่ ทั้งในเมือง ที่ต้องออกตัวสลับหยุดนิ่งบ่อยๆ และการเดินทางไกล ที่ให้การเร่งแซง ที่ดียิ่งขึ้น ด้วยชิ้นส่วนของทั้งระบบที่ราคาไม่แพง ทำให้ SUZUKI XL7 HYBRID เป็น MPV Crossover ที่มาพร้อมเทคโนโลยี HYBRID ที่ดูแลรักษาง่าย อะไหล่ถูก และค่าดูแลรักษาระยะยาวที่ต่ำมาก เมื่อเทียบกับระบบไฮบริดแบบอื่นๆ
- MPV Crossover Hybrid ที่คุ้มราคาที่สุด เป็นเจ้าของได้ง่าย ทางเลือกที่น่าสนใจ ในช่วงยุครอการเปลี่ยนผ่านสู่รถ EV จุดเด่นในระบบ SUZUKI HYBRID
- เครื่องยนต์รับภาระในช่วงการออกตัว และเร่งแซงน้อยลง ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น กินน้ำมันน้อยลงจากการเสริมแรงของมอเตอร์ ISG (Integrated Starter Generator) ที่ใช้แรงดันไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ Li-on (10 Ah 12V) ไปช่วยเสริมการทำงานของเครื่องยนต์
- เครื่องยนต์ติดอย่างรวดเร็วและนิ่งเงียบไม่สั่นสะเทือน ทำให้ระบบ Idling Stop ทำงานได้ดียิ่งขึ้น
- ISG (Integrated Starter Generator) ถูกออกแบบ เสริมแรงบิดสูงถึง 50 N-m หรือกว่า 36% ของแรงบิดเครื่องยนต์ ในทันที ที่เริ่มกดคันเร่ง และเสริมกำลังอย่างต่อเนื่องจาก 1,000-3,900 รอบต่อนาที ก่อนเครื่องยนต์จะทำงานบิดสูงสุด 138 N-m ที่ 4,400 รอบต่อนาที และ แรงม้าสูงสุด 105 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที ช่วยให้รถออกตัวได้ดี ตอบสนองในแต่ละช่วงย่านความเร็วรอบของเครื่องยนต์ ได้ดีขึ้นกว่าเดิม
- ระบบ SUZUKI HYBRID ตั้งใจให้เป็นรถไฮบริดที่ดูแลง่าย ไม่จุกจิก หากแบตเตอรรี่ Li-on ขัดข้องหรือเสียหาย รถยนต์คันนี้ก็ยังสามารถขับเคลื่อนได้ตามปกติ (ซึ่งจะแตกต่างจากระบบ Hybrid อื่นๆ ที่รถยนต์อาจหยุดการทำงาน ให้ไม่สามารถเคลื่อนที่ต่อไปได้
- แบตเตอรี่ Li-on วางอยู่ในตำแหน่งที่สูง ทำให้ปลอดภัยจากสภาพการใช้งานในเส้นทางน้ำท่วมขัง หรือเส้นทางทุรกันดาร และแบตเตอรี่ Li-on ยังมีขนาดเล็ก น้ำหนักโดยประมาณ 7 กิโลกรัม ทำให้น้ำหนักของรถยนต์เพิ่มขึ้นไม่มากนัก
- การดูแลบำรุงรักษาง่าย และค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาไม่สูง ค่าใช้จ่ายตลอดอายุการใช้งาน ในการเปลี่ยนชิ้นส่วนอุปกรณ์ในอนาคตของ XL7 HYBRID จะมีราคาซ่อมและเปลี่ยนอะไหล่ที่ถูกกว่า ลดความเสี่ยงเรื่องค่าใช้จ่ายเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน เช่น ภัยธรรมชาติ หรือเมื่อรถเกิดอุบัติเหตุ ทั้งเรื่องค่าใช้จ่ายของแบตเตอรี่และระบบไฮบริด หากต้องเปลี่ยนทั้งระบบ ก่อนถึงระยะเสื่อมสภาพ หรือเหตุที่นอกเหนือการรับประกัน
