23 กันยายน 2567 นายทาดาโอะมิ ซูซูกิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า หลังจาก ซูซูกิ มอเตอร์ ประเทศไทย ประกาศวิสัยทัศน์การดำเนินธุรกิจในประเทศไทย “Enhancing the Ability to Compete in the Upcoming Automotive Market เพิ่มขีดความสามารถสู่การแข่งขันในอนาคต” นอกจากแผนการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ 4 รุ่น เริ่มตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป
เรายังปรับแผนการบริหารงานด้วยการสร้างความร่วมมือกับผู้จำหน่ายในการยกระดับงานบริการ ทั้งก่อนและหลังการขายให้มีคุณภาพและได้มาตรฐาน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ผ่านการนำเทคโนโลยีอันทันสมัยมาใช้ เพื่อการเข้าถึงและดูแลลูกค้าได้ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น
“ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เราเตรียมจะแนะนำในอนาคต จะมีทั้งรถในกลุ่มเครื่องยนต์ไฮบริดและรถพลังงานไฟฟ้า 100% แต่ละรุ่นจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องต่อความต้องการของลูกค้าและสามารถแข่งขันได้ใ
นอนาคตอย่างแน่นอน ” ด้านงานบริการ แคมเปญ “SUZUKI WORRY FREE” คือ แผนงานที่แตกยอดออกมาจากวิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งเราส่งต่อแผนงานนี้ไปยังผู้จำหน่ายทุกรายเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับ ตลาดรถยนต์ที่มีคู่แข่งเพิ่มมากขึ้น โดยจะเน้นย้ำถึงการสร้างความเชื่อมั่นแก่ลูกค้าซูซูกิว่า เราจะสามารถมอบบริการที่มีคุณภาพตามมาตรฐานของซูซูกิได้อย่างแท้จริง หนึ่งในบริการจากแคมเปญ “SUZUKI WORRY FREE” คือ HELLO SUZUKI APPLICATION เป็นการนำนวัตกรรมมาใช้เพื่อยกระดับงานบริการ S-Solution ที่จะเชื่อมต่อข้อมูลการทำงานกับลูกค้า อำนวยความสะดวกสบายและความมั่นใจในงานบริการทุกขั้นตอนทั้งการนัดหมายนำรถเข้ารับบริการ หรือติดต่อสอบถามข้อมูลรายงานการตรวจสอบและดูแลรถในทุกขั้นตอน รวมถึงการมอบสิทธิพิเศษมากมาย
ด้วยการสะสมคะแนนจากค่าใช้จ่ายในการเข้าซ่อมบำรุงตามระยะอย่างต่อเนื่องหรือซ่อมแซมที่ศูนย์บริการของซูซูกิทั่วประเทศอีกส่วนหนึ่งที่เราให้ความสำคัญมากก็คือ การพัฒนาด้านงานบริการของผู้จำหน่าย
ผ่านการจัดการแข่งขันผู้จำหน่ายยอดเยี่ยมประจำปี ซึ่งจัดมาต่อเนื่องเป็นเวลา 7 ปีติดต่อกันมุ่งหวังจะยกระดับมาตรฐานการดำเนินงานในทุกด้านของผู้จำหน่ายรถยนต์ซูซูกิ กระตุ้นให้เกิดการดูแลและการปรับปรุงพัฒนางานการบริการลูกค้าอย่างต่อเนื่อง และเป็นตัวอย่างที่ดีในการดำเนินธุรกิจของผู้จำหน่ายในประเทศไทย สำหรับการแข่งขัน ‘SUZUKI Best Dealer Award 2024’ จัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “แนวทางการสร้างมูลค่าแบรนด์ซูซูกิ
จากประสบการณ์การซื้อรถและใช้ศูนย์บริการเปรียบเทียบกับแบรน์รถ EV ในตลาดปัจุบัน” ซึ่งมีหลักเกณฑ์ในการคัดเลือก โดยให้ผู้จำหน่ายที่เข้าแข่งขัน นำเสนอแนวคิดสู่ความสำเร็จของกลยุทธ์ด้านการขาย บริการหลังการขาย ไปจนถึงการพัฒนางานในด้านการนำนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีอันทันสมัยเข้ามายกระดับงานบริการให้ดียิ่งขึ้น และสามารถผ่านตามเกณฑ์ที่บริษัทฯ กำหนดหรือไม่ ซึ่งกิจกรรมในครั้งนี้ เป็นแนวทางการพัฒนางานเพื่อแข่งขันกับภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ในปัจจุบันและเตรียมพร้อมสู่การแข่งขันในอนาคตอีกด้วย นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การจัดการแข่งขัน ‘SUZUKI Best Dealer Award 2024’ ยังคงยึดโยงอยู่กับนโยบาย Suzuki Cause We Care “เหนือกว่าความใส่ใจ คือเข้าใจทุกความต้องการ” ซึ่งวัตถุประสงค์ในการจัดการแข่งขันครั้งนี้ ไม่ใช่แค่เพียงกระตุ้นให้เกิดการปรับปรุงพัฒนางานบริการเพื่อยกระดับมาตรฐานการดำเนินงานในทุกด้าน แต่เรายังมุ่งหวังให้ผู้จำหน่ายก้าวเดินไปในทิศทางเดียวกัน เพราะบุคลากรทุกคนเป็นทรัพยากรอันสำคัญที่จะช่วยนำพาซูซูกิไปสู่การเป็นบริษัทผู้จำหน่ายรถยนต์คุณภาพและเข้าไปอยู่ในใจของคนไทยได้อย่างดียิ่งสำหรับแนวทางในการแข่งขันทางซูซูกิได้ทำการคัดเลือกผู้จำหน่ายรถยนต์ซูซูกิจากทั่วประเทศ เพื่อเป็นผู้จำหน่ายยอดเยี่ยมแห่งปี 2024 จำนวน 7 แห่ง โดยพิจารณาจากคุณสมบัติและผลการดำเนินงานของผู้จำหน่ายในรอบปีที่ผ่านมาตามเกณฑ์ที่บริษัทฯ กำหนดก่อนจะทำการแข่งขันกันอย่างเข้มข้นผ่านการนำเสนอวิสัยทัศน์และแนวทางการดำเนินงานของผู้จำหน่ายแต่ละแห่ง
คุณรณกฤต ฐิติกฤตานน กรรมการบริหาร บริษัท ดี โฟร์ คาร์ซิตี้ จำกัด ผู้ได้รับรางวัลผู้จำหน่ายยอดเยี่ยม 2567 ระดับ Best of the Best กล่าวว่า ในฐานะที่ ดีโฟร์ คาร์ซิตี้ ดำเนินธุรกิจผู้จำหน่ายรถยนต์ซูซูกิมายาวนานเกือบ 40 ปี เราบริหารงานโดยยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางมาโดยตลอดซึ่งสอดคล้องกับแนวทางนโยบาย Suzuki Cause We Care “เหนือกว่าความใส่ใจ คือเข้าใจทุกความต้องการ” ของซูซูกิ เพราะเมื่อเราเข้าใจในพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าจะช่วยให้เราพัฒนางานเพื่อตอบสนองต่อความต้องการได้ครบทุกรูปแบบ แต่เหนืออื่นใด ดี โฟร์ คาร์ซิตี้ยังให้ความสำคัญกับพนักงานเพื่อสร้างทัศนคติที่ตรงกันในด้านการดูแลลูกค้า
เราจึงไม่ได้มุ่งหวังเพียงแค่สร้างยอดขายเพียงอย่างเดียวแต่เราต้องการเติบโตไปพร้อมกับลูกค้าของเราอย่างยั่งยืนอีกด้วย
นายวัลลภ ยังกล่าวอีกว่า เป้าหมายอันสำคัญยิ่งของซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) คือ การเดินหน้าพัฒนาคุณภาพในทุกด้านอย่างไม่หยุดยั้งพร้อมส่งมอบสินค้าที่มีแต่ความคุ้มค่า คุ้มราคา เหมาะสมกับลูกค้าชาวไทย
ควบคู่ไปกับการพัฒนางานบริการในทุกด้านเพื่อยกระดับคุณภาพของผู้จำหน่ายรถยนต์ ซูซูกิทั่วประเทศ ซึ่งต้องขอขอบคุณผู้จำหน่ายของซูซูกิทุกรายที่ทุ่มเทและทำงานอย่างหนัก ทำให้ซูซูกิเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ได้การยอมรับว่ามีคุณภาพที่ดี ทั้งเรื่องผลิตภัณฑ์และงานบริการ จากผู้บริโภคมาโดยตลอด