วันนี้พวกเราจะพาไปสัมผัสกับรถยนต์อเนกประสงค์กับ FORD EVEREST 2.0 Bi Turbo Titanium Plus 4×4 เป็นรถยนต์อเนกประสงค์ที่ขายดีในเมืองไทยอีกคันหนึ่ง ซึ่งวันนี้พวกเราจะพาทุกคนไปทดสอบไกลถึง กรุงเทพ-เขาค้อ-ภูทับเบิก มาลองดูกันว่าจะเป็นยังไงกับสมรรถนะของตัวรถที่ต้องเจอ ทางเรียบ ขึ้นเขาและทางออฟโรด กับ “FORD EVEREST 2.0 Bi Turbo Titanium Plus 4×4”
เครื่องยนต์ FORD EVEREST 2.0 Bi Turbo Titanium Plus 4×4
เป็นเครื่องยนต์ ดีเซล ไบเทอร์โบ(เทอร์โบคู่) ขนาด 2.0 ลิตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ระบบขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ ตลอดเวลา พร้อมโหมดการขับขี่ที่มีมาให้ถึง 4 โหมด สำหรับเครื่องยนต์ของ FORD EVEREST 2.0 Bi Turbo ในทางเรียบถือว่าทำได้ดีครับ ช่วงออกตัวให้ความรู้สึกที่ดีกว่าเครื่องยนต์ตัวเก่าพอสมควร เสียงเครื่องยนต์ก็จะคำรามตามสไตล์รถยนต์สัญชาติอเมริกัน ในช่วงความเร็วคงที่ประมาณ 100-120 กม/ชม เครื่องยนต์ก็ทำงานได้แบบสบายๆ ส่วนการเดินทางในช่วง ขึ้น-ลง เขานั้นก็ต้องบอกว่าเป็นจุดเด่นของ FORD EVEREST 2.0 Bi Turbo เลยนะครับ เครื่องยนต์ที่มีแรงบิดถึง 500 นิวตันเมตร ทำให้พาตัวรถที่มีขนาดใหญ่ผ่านเนินลาดชัน ไปได้อย่างง่ายดายมากๆ ส่วนในทางที่เป็นทาง ออฟโรด ที่รถเล็กไม่สามารถเดินทางไปได้ เมื่อเปลี่ยนเกียร์เป็นเกียร์แบบ 4LOW ก็สามารถตะลุยผ่านอุปสรรคไปได้แบบสบายๆ ส่วนข้อเสียของเครื่องยนต์ตัวนี้ คือในเรื่องของ เกียร์ ในช่วงรอยต่อของเกียร์ FORD EVEREST 2.0 Bi Turbo ยังไม่น่าประทับใจเท่าไหร่ยังรู้สึกถึงจังหวะการทดเกียร์ได้อย่างชัดเจน
ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ FORD EVEREST 2.0 Bi Turbo Titanium Plus 4×4
- ระบบความปลอดภัย FORD EVEREST 2.0 Bi Turbo Titanium Plus 4×4
- ระบบช่วยโทรฉุกเฉิน
- ระบบป้องกันล้อล็อก ABS และกระจายแรงเบรก EBD
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TC และระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP
- ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน HLA
- ระบบลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ
- ถุงลมนิรภัย 7 จุด
- สัญญาณเตือนระยะจอดด้านหลัง
- กล้องมองหลังขณะถอยจอด
- สัญญาณกันขโมยและระบบกุญแจนิรภัย
- จุดยึดเบาะนั่งเด็ก ISOFIX
- ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ พร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน
- ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง
- ระบบเตือนการชนด้านหน้า
- ระบบแจ้งเตือนการขับขี่
- ระบบตรวจจับลมยาง
- สัญญาณเตือนระยะจอดด้านหน้า
- ระบบตรวจจับรถในจุดบอด
- ระบบตรวจจับรถขณะออกจากซองจอด
- ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อพร้อมระบบ Terrain Management
- เฟืองท้ายแบบ Electronic Locking Rear Differential
- ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC
ช่วงล่าง FORD EVEREST 2.0 Bi Turbo Titanium Plus 4×4
ถือว่าเป็นช่วงล่างของรถยนต์อเนกประสงค์ที่มีความนุ่มนวลแต่ยังคงความหนึบไว้ใจได้ จากการทดสอบช่วงล่างถือว่าผ่านฉลุยครับ ด้านหน้าเป็นแบบ ปีกนกอิสระ 2 ชั้น พร้อมคอล์ยสปริงและเหล็กกันโครง ด้านหลังแบบ วัตต์ลิงค์ ช่วงล่างกึ่งอิสระพิเศษเฉพาะรุ่น ในทางเรียบช่วงล่างของตัวนี้ให้ความรู้สึกที่นุ่มนวล ขับได้แบบสบายๆไม่รู้สึกถึงความเมื่อยล้าเมื่อขับขี่ในทางไกล เมื่อเพิ่มความเร็วระบบของพวงมาลัยจะเริ่มเพิ่มน้ำหนักขึ้น เป็นระบบที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่เมื่อเวลาเข้าโค้งด้วยความเร็วจะทำให้รู้สึกมั่นใจมากยิ่งขึ้น มาถึงในช่วงทาง ออฟโรดกันบ้างครับช่วงล่างของ FORD EVEREST 2.0 Bi Turbo ทำงานร่วมกับระบบเกียร์ แบบ 4LOW ได้เป็นอย่างดี ในทางเนินสูงมีหลุมใหญ่ ช่วงล่างกับระบบขับเคลื่อนก็ผ่านไปได้อย่างง่ายดาย ผมลองทดสอบกดคันเร่งแบบมิดในทาง ที่ขรุขระช่วงล่างก็ไม่มีอาการ ดีดหรือโยน แต่อาจจะไม่ค่อยนุ่มนวลสักเท่าไหร่ เพราะยางที่ติดมาจากโรงงานเป็นยางขอบ 20 นิ้ว อาจจะช่วยในความเท่ห์แต่ไม่ค่อยเหมาะกับทางออฟโร้ดเท่าไหร่นัก
ภายนอก FORD EVEREST 2.0 Bi Turbo Titanium Plus 4×4
ภายนอกยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากนัก แต่การออกแบบของทาง FORD ก็ยังทำให้ตัวรถดู เท่ห์ แกร่ง ลุย สมกับคำนิยามครับ ส่วนตัวชอบระบบความปลอดภัยที่มีมาให้ คือไฟตัดหมอก หน้า-หลัง ปกติไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่ แต่พอขึ้นภูทับเบิกแล้วนั้นไฟตัดหมอกสำคัญมาก ถนนแบบขึ้นเขามีทางคดเคี้ยว ที่สำคัญหมอกเยอะมาก ไฟตัดหมอกเลยสำคัญมากๆที่ให้เราปลอดภัย รายละเอียดของภายนอกมีดังนี้
- ไฟหน้าแบบ LED
- ไฟเดย์ไลท์แบบ LED
- ไฟตัดหมอก หน้า-หลัง
- ราวหลังคาและบันไดข้าง
- ล้ออัลลอยด์ขนาด 20 นิ้ว
- ระบบเปิด-ปิด ไฟหน้าแบบอัตโนมัติ
- ระบบปัดน้ำฝนแบบอัตโนมัติ
- ไฟท้าย LED
- ประตูท้าย เปิด-ปิด ด้วยไฟฟ้าพร้อมระบบแฮนด์ฟรี
- ไฟส่องสว่างข้างตัวรถ
- หลังคา Panoramic Moonroof
ภายใน FORD EVEREST 2.0 Bi Turbo Titanium Plus 4×4
สิ่งที่ประทับใจก็คือความกว้างของภายใน เรียกได้ว่ากว้างมากๆ สำหรับคนใช้รถที่ตัวใหญ่ FORD EVEREST กว้างพอ พื้นที่สำหรับเบาะโดยสารตอนที่ 2 ก็กว้างมีพื้นที่วางขาแบบเหลือๆ เบาะตอนที่ 3 พับเก็บแบบไฟฟ้า มีพื้นที่เหลือเก็บสัมภาระด้านหลังอีกด้วย ต้องบอกเลยครับว่าสมกับที่เป็นรถอเนกประสงค์จริงๆ มีพื้นที่ใช้สอยเยอะมาก
- กุญแจอัจฉริยะและปุ่มสตาร์ต
- ระบบเปิด-ปิดกระจกสัมผัสเดียวด้านคนขับ
- ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติแยกอิสระซ้าย-ขวา
- ระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลังแบบปรับอุณหภูมิแยกได้
- เบาะหนังสีดำ
- เบาะแถวที่ 2 ปรับเอนและสามารถเลื่อนตำแหน่งหน้า-หลังได้
- ช่องต่อไฟ 12V
- ระบบสั่งงานด้วยเสียง
- หน้าจอ ขนาด 8 นิ้ว พร้อมบลูทูธ และ Wi-Fi
- ลำโพง 9 ตัว
- วิทยุพร้อมเครื่องเล่น CD / MP3 และช่องต่อ USB 2 จุด
- รองรับ Apple Carplay และ Android Auto
- กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงอัตโนมัติ
- เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ
- กระจกหน้า-หลัง พร้อมระบบเปิด-ปิดแบบ One-Touch
- เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง
- เบาะแถวที่ 3 พับไฟฟ้า
- ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ
- ไฟตกแต่งภายในห้องโดยสาร
- ชุดชายบันไดสเตนเลสแบบ LED
- ปลั๊กไฟบ้าน AC 230V
- ช่องต่อ USB ที่กระจกมองหลัง
- ระบบแผนที่นำทาง
สรุป FORD EVEREST 2.0 Bi Turbo Titanium Plus 4×4
เป็นรถยนต์อเนกประสงค์ที่น่าใช้อีกคันหนึ่งครับ ด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานที่มีครบทุกรูปแบบ การขับขี่ที่สามารถพาลุยไปได้ทุกเส้นทางและพื้นที่ใช้สอยภายในห้องโดยสารที่มาก สำหรับคนที่ต้องการรถครอบครัวซักคัน “FORD EVEREST 2.0 Bi Turbo” คงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ขับในเมืองก็ถือว่าใช้ได้ การออกตัวไม่อึดอาด การใช้งานออกต่างจังหวัด ก็ถือว่าทำได้ดีมาก จะทางเรียบหรือจะออฟโรดก็ทำได้สบาย
ราคา Ford Everest 2020
- Ford Everest 2020 รุ่น Trend 2.0L Turbo 4×2 10AT ราคา 1,299,000 บาท
- Ford Everest 2020 รุ่น Titanium 2.0L Turbo 4×2 10AT ราคา 1,439,000 บาท
- Ford Everest 2020 รุ่น Titanium Sport 2.0L Turbo 4×2 10AT ราคา 1,469,000 บาท
- Ford Everest 2020 รุ่น Titanium+ 2.0L Turbo 4×2 10AT ราคา 1,599,000 บาท
- Ford Everest 2020 รุ่น Titanium+ 2.0L Bi-Turbo 4×4 10AT ราคา 1,799,000 บาท