รีวิวรถ

Mazda BT-50 DBL 1.9 SP HI-RACER 6AT ภายในสวยตอบโจทย์การใช้งานทุกไลฟ์สไตล์

ถึง Mazda BT-50 ใหม่จะเปิดตัวช้ากว่าที่คาดไว้มาก เนื่องจากเจอมรสุมทั้งไวรัสโควิด-19 ปัญหาเศรษฐกิจที่อยู่ในช่วงขาลง ทำให้เป็นปิคอัพรุ่นท้ายสุดที่ปรับโมเดลใหม่เลยก็ว่าได้ ทำให้พื้นที่แย่งชิงส่วนแบ่งตลาดมีน้อยเหลือเกิน แต่การปรับโมเดลปิคอัพใหม่ของ Mazda BT-50 ใหม่ นับว่ามีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อยเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้านี้ เนื่องจากได้โมเดลนี้ได้ร่วมพัฒนากับเจ้าพ่อตลาดรถปิคอัพอย่างค่าย Isuzu ทำให้หลายๆ แพทฟอร์มสามารถใช้ในรูปแบบที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งความพิเศษจะมีอะไร auto-variety จะพาไปทำความรู้จักกับ Mazda BT-50 DBL 1.9 SP HI-RACER 6AT ให้มากยิ่งขึ้น….

 

  • สำรวจภายนอก

Mazda BT-50 DBL 1.9 SP HI-RACER 6AT เน้นการออกแบบโดยใช้แนวคิดผสานความทรงพลังและความแข็งแกร่งสไตล์รถปิกอัพ เข้ากับการออกแบบภายใต้ โคโดะ ดีไซน์ ทำให้แสดงออกถึงความเรียบง่าย โดดเด่น สง่างาม เมื่อนำมาผสมผสานกับความรู้สึกบึกบึนจากรูปลักษณ์ที่แข็งแกร่งของรถปิกอัพ ผลลัพธ์ที่ได้จึงเกิดเป็นความสมดุลลงตัวระหว่างรูปลักษณ์ของรถปิกอัพที่แข็งแกร่ง กับคุณภาพของการออกแบบ เพื่อให้สามารถใช้งานได้ทั้งเวลาทำงานและใช้ในกิจกรรมยามว่าง ซึ่งถ้าเรามองให้ดีด้านหน้าของตัวรถจะถูกออกแบบให้อยู่กับแพลตฟอร์มกับรถยนต์มาสด้าทุกรุ่น ไม่ว่าจะเป็น CX-30 , CX5 และ CX8

  •             ภายในเพิ่มความสะดวกในการใช้งานเทียบเท่ารถ SUV

ภายในห้องโดยสารมีการออกแบบให้ใกล้เคียงกับรถ SUV ที่เป็นเจ้าตลาดอย่างตระกูล CX เน้นความหรู และใช้งานสะดวกสบายตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่อย่างลงตัวด้วยการเลือกใช้เฉพาะวัสดุคุณภาพสูงเท่านั้น ผสมผสานกับโทนสีภายในรวมถึงองค์ประกอบอื่นๆ อย่างลงตัว คอนโซลหน้าถูกตกแต่งด้วยวัสดุสีเงิน เสาภายในและเพดานเลือกใช้โทนสีดำตัดกับหนังสีน้ำตาลเข้มของเบาะนั่งที่ออกแบบให้นั่งสบายในทุกตำแหน่ง และแผงประตูที่เพิ่มความหรูหราด้วยการตกแต่งสไตล์เดียวกับรถเอสยูวี สัมผัสกับห้องโดยสารที่กว้างขวาง การจัดวางตำแหน่งอุปกรณ์โดยให้ผู้ขับขี่เป็นศูนย์กลางตามหลักการ Human Machine Interface ทุกฟังก์ชันจึงง่ายต่อการใช้งาน การรับรู้ข้อมูลการขับขี่รวมถึงสายเรียกเข้าหรือชื่อเพลงบนหน้าจอแบบสี MID (Multi-Information Display) ขนาด 4.2 นิ้ว ที่เรือนไมล์พร้อมแสดงข้อมูลได้หลายรูปแบบ อ่านง่าย มองเห็นชัดเจนยิ่งขึ้นด้วยเทคโนโลยีหน้าจอแบบ TFT (Thin-film Transistor Technology)

เพิ่มความสะดวกสบายผู้ขับมากยิ่งขึ้นด้วยพวงมาลัยปรับได้มากถึง 4 ทิศทาง มาพร้อมกับเบาะไฟฟ้าปรับได้ 8 ทิศทางและระบบดันหลัง ควบคุมอุณหภูมิภายในห้องโดยสารได้ดียิ่งขึ้นด้วยระบบปรับอากาศแบบ Dual Zone ที่สามารถแยกปรับด้านซ้ายและขวาได้อย่างอิสระพร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง ยกระดับความสุนทรีย์ด้วยห้องโดยสารที่เงียบยิ่งขึ้น และลำโพงที่มากถึง 8 ตำแหน่ง นับรวมถึงลำโพงที่ติดตั้งบนหลังคา ผู้โดยสารสะดวกสบายตลอดการเดินทางด้วยที่พักแขนพร้อมที่วางแก้ว 2 ตำแหน่ง และช่องเสียบ USB มีช่องเก็บของภายในห้องโดยสารสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารทุกตำแหน่ง

ตอบโจทย์รูปแบบการเชื่อมต่อการสื่อสารในยุคปัจจุบันได้มากยิ่งขึ้น ด้วยระบบ Infotainment ที่มาพร้อมหน้าจอแบบสัมผัสความละเอียดสูงขนาด 9 นิ้ว ที่สามารถตั้งค่า Home Screen ได้หลายรูปแบบ รองรับการเชื่อมต่อได้ทั้ง Apple CarPlay® แบบไร้สาย และ Android Auto™* ซึ่งสามารถใช้งาน Miracast แบบไร้สายผ่าน Wifi และรองรับการเชื่อมต่อแบบ MirrorLink อีกทั้งยังมีระบบนำทางที่ติดตั้งมาให้พร้อมใช้งานโดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต (เชื่อมต่อในทันทีสำหรับ Android เวอร์ชั่น 10)

ซึ่งการออกแบบทั้งหมดที่เราได้สัมผัสต้องยอมรับว่าสะดวกสบายไม่น้อยต่อการใช้งาน และที่ถูกใจมากที่สุดก็เห็นจะเป็นระบบการเชื่อมต่อที่สามารถใช้ได้ทั้งระบบ Apple CarPlay® แบบไร้สาย และ Android Auto™ เหมาะกับการฟังเพลงในเพลลิสต์ที่เราเก็บไว้ หรือการใช้แผนที่ Google Map ในการเดินทางก็สะดวกไม่น้อยไม่ต้องตอยหาที่ติดตั้งโทรศัพท์มือถือให้เกะกะ

  • เครื่องยนต์ขุมพลัง 1.9 บล็อกคุ้นตา

อย่างที่เรารู้กันอยู่ว่า Mazda BT-50 เจนเนอเรชั่นนี้ถูกพัฒนาภายใต้ความร่วมมือกับค่ายรถจากญี่ปุ่นด้วยกันนั่นคือ Isuzu ทำให้ไม่แปลกใจถ้าเครื่องยนต์พิกัดเดียวกันจะมาฝังอยู่ใต้ฝากระโปรง และรถที่เราได้นำมาทดสอบครั้งนี้เป็นเครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 1.9 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ให้อัตราเร่งที่ต่อเนื่อง จังหวะการเปลี่ยนเกียร์นุ่มนวล และสามารถเลือกเปลี่ยนเป็นโหมดแมนนวลได้เพื่อเพิ่มความแม่นยำ ขับสนุก และตอบสนองได้รวดเร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้เครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 1.9 ลิตร มาพร้อมระบบควบคุมการฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงที่ทำงานได้อย่างแม่นยำ ให้แรงบิดสูงตั้งแต่รอบเครื่องยนต์ต่ำ โดดเด่นด้วยอัตราประหยัดน้ำมันที่ดีที่สุดในคลาสกับตัวเลข 16.1 กิโลเมตร/ลิตร* รองรับน้ำมันได้ถึง B20

จากการทดลองขับบนหลังถนนเพื่อสัมผัสระบบความปลอดภัยและการทำงานของระบบช่วงล่าง รวมถึงการสั่งงานของพวงมาลัย Mazda BT-50 DBL 1.9 SP HI-RACER 6AT ที่เราขับทดสอบมีความแม่นยำสั่งการได้อย่างเฉียบคมควบคุมง่าย ส่วนระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระปีกนก 2 ชั้น กับคอยล์สปริงพร้อมเหล็กกันโคลงหน้าช่วยเพิ่มเสถียรภาพการทรงตัว ชุดแหนบด้านหลังที่เพิ่มความสามารถในการบรรทุกให้ความนุ่มนวลในการขับขี่และเกาะถนนได้ดี ที่สำคัญยังสามารถลุยน้ำได้สูงถึง 800 มิลลิเมตรอีกด้วย และอีกไฮไลท์ที่น่าสนใจและเป็นจุดเด่นที่ชอบคือกุญแจรีโมทอัจฉริยะ สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ได้ด้วยรีโมท เปิดระบบปรับอากาศก่อนขึ้นรถ และมีระบบไฟในห้องโดยสารส่องสว่างอัตโนมัติในทันทีเมื่อจับสัญญาณจากกุญแจรีโมท

  • ระบบความปลอดภัยเต็มรูปแบบ

Mazda BT-50 DBL 1.9 SP HI-RACER 6AT มาพร้อมระบบความปลอดภัยเต็มรูปแบบ อาทิ ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลนช่วยให้ผู้ขับปลอดภัยขณะเปลี่ยนเลน โดยระบบจะส่งสัญญาณเตือน หากตรวจพบรถในเลนด้านข้างที่กําลังแซงขึ้นมาจากทางด้านหลังและอยู่ในจุดที่ผู้ขับ อาจมองไม่เห็น ABSM ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง ระบบจะส่งสัญญาณเสียงเตือนพร้อมไฟกะพริบเตือน ที่กระจกมองข้างขณะขับรถถอยหลัง หากตรวจพบความเสี่ยงที่อาจส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุุกับรถที่กำลัง เคลื่อนที่เข้ามาด้านหลัง RCTA ระบบควบคุมเสถียรภาพและการทรงตัวของรถ DSC ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล TCS ระบบสัญญาณไฟฉุกเฉินเตือนอัตโนมัติเมื่อเบรกกะทันหัน ESS ระบบช่วยการออกตัวของรถขณะอยู่บนทางลาดชัน HLA ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC และติดตั้งถุงลมนิรภัยสูงสุดถึง 6 ตำแหน่ง เพิ่มความมั่นใจในการเข้าจอดด้วยระบบเซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้าและด้านหลังรวมสูงสุด 8 ตำแหน่ง พร้อมกล้องมองหลัง

  • สรุป

จากการที่เราได้ขับทดสอบในครั้งนี้ สิ่งที่โดดเด่นและถูกใจมากที่สุด คือการออกแบบภายในที่ลงตัว ใช้งานง่าย ที่สำคัญระบบการเชื่อมต่อที่รองรับทั้งโทรศัพท์ระบบ Apple CarPlay® แบบไร้สาย และ Android Auto™ และอุปกรณ์ความปลอดภัยซึ่งให้มาเยอะจริงๆ ​ส่วนระบบช่วงล่างแน่นหนึบ ให้ความนุมนวลในย่านความเร็วต่ำหรือวิ่งในเมือง​ แต่ถ้าออกถนนซุปเปอร์​ไฮเวย์​ในย่านความเร็วที่สูงตัวรถยังทรงตัวได้ยอดเยี่ยม แต่​ถึงจะเกาะถนนได้ดียังมีอาการนุ่มมากไปหน่อยเวลาสาดโค้งแรงๆ มีอาการดิ้นให้รู้สึกเสียวบ้าง ส่วนเครื่องยนต์ 1.9 ประทับใจเรื่องอัตตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง​ ถ้าวิ่งตามที่กฎหมายกำหนดต้องบอกเลยว่าประหยัดสุดๆครับ น่าจะตอบโจทย์การใช้งานในเมืองมากกว่า แต่ถ้าออกต่างจังหวัดก็ต้องกดคันเร่งเพิ่มกันอีกนิดเพื่อเรียกแรง

Mazda BT-50 2021 มีสีตัวถังให้เลือก 6 สีได้แก่ สีน้ำเงิน กันบลู (Gunblue) สีเทา คอนกรีต เกรย์ (Concrete Gray) สีแดง เรด โวคาโน (Red Volcano) สีดำ ทรู แบล็ก (True Black) สีขาว ไอซ์ ไวท์ (Ice White) และสีเงิน อิงกอท ซิลเวอร์ (Ingot Silver) 

 โดยราคาจำหน่ายแต่ละรุ่นย่อยมีดังต่อไปนี้

  • รุ่น Standard Cab STD 1.9 E ราคา 553,000 บาท
  • รุ่น Freestyle Cab FSC 1.9 C ราคา 679,000 บาท
  • รุ่น Freestyle Cab FSC 1.9 C Hi-Racer ราคา 714,000 บาท
  • รุ่น Freestyle Cab FSC 1.9 C Hi-Racer 6 AT ราคา 768,000 บาท
  • รุ่น Freestyle Cab FSC 1.9 S Hi-Racer ราคา 787,000 บาท
  • รุ่น Freestyle Cab FSC 1.9 S Hi-Racer 6AT ราคา 832,000 บาท
  • รุ่น Double Cab DBL 1.9 C ราคา 771,000 บาท
  • รุ่น Double Cab DBL 1.9 S ราคา 847,000 บาท
  • รุ่น Double Cab DBL 1.9 S Hi-Racer ราคา 891,000 บาท
  • รุ่น Double Cab DBL 1.9 S Hi-Racer 6AT ราคา 936,000 บาท
  • รุ่น Double Cab DBL 1.9 SP Hi-Racer ราคา 1,012,000 บาท
  • รุ่น Double Cab DBL 1.9 SP Hi-Racer 6AT ราคา 1,070,000 บาท
  • รุ่น Double Cab DBL 4×4 3.0 SP ราคา 1,118,000 บาท
  • รุ่น Double Cab DBL 4×4 3.0 SP 6 AT ราคา 1,153,000 บาท

Most Popular

To Top