ขุนเขาลูกแล้วลูกเล่า จากเชียงรายเลาะเลียบริมฝั่งโขง ผ่านเมืองน่านสู่เมืองเลย มาสิ้นสุดการเดินทางของทริปแรกที่จังหวัดอุดรธานี กับการเดินทางด้วยยานยนต์ที่ได้รับการกล่าวขานและไขว่คว้ารางวัลมามากมายทั่วโลก รวมไปถึงผู้ครอบครอง cx-5 ในรุ่นแรกที่วิ่งบนท้องถนนเมืองไทยกว่า 18,000 คัน ซึ่งตัวเลขนี้ย่อมที่จะแสดงให้เห็นถึงการเป็นยนตรกรรมที่ได้รับความนิยม และประสบความสำเร็จในระยะเวลาที่รวดเร็วได้เป็นอย่างดี
ทริปที่สอง เริ่มต้นกันที่จังหวัดอุดรธานี ผ่าน นครพนม สกลนคร มุกดาหาร และจบทริปกันที่อุบลราชธานี ซึ่งเส้นทางในช่วงนี้ โค้งไม่ค่อยมี ขุนเขาให้เลาะเลียบไต่เนินขึ้น-ลง มีน้อยเต็มที บางช่วงเป็นทางหลวงแผ่นดินขับกันสบายๆ ใช้ความเร็วกันได้เต็มที่ บางช่วงบางตอนถนนชำรุดทรุดโทรม และบางขณะก็สมบุกสมบันกับการลุยไปบนเส้นทางที่ไม่ใช่ทาง เพื่อบันทึกภาพสวยๆ งามๆ สามวันสองคืนกับการคลุกคลีอยู่กับเจ้า All New CX-5 ยังคงประทับใจอยู่เช่นเดิมกับสมรรถนะที่ใส่เพิ่มขึ้นมาจากรุ่นก่อน ที่เคยกินนอนด้วยกันมาไม่น้อยกว่า 10 วัน ในการพิชิตขุนเขากันตั้งแต่ กรุงเทพฯ สู่อำเภอลี้ ที่ลำพูน ขึ้นไปดอยอินทนนท์พิชิตดอยอ่างขาง ทะยานสู่ดอยแม่สะลอง แวะพักที่ดอยตุง ลุยต่อที่เมืองน่าน เข้าสุโขทัย ต่อเพชรบูรณ์ สู่ภูหินร่องกล้า และภูทับเบิก จนสามารถเอ่ยปากได้ว่า เจ้า CX-5 นั้นเป็นยานพาหนะที่เหมาะสมและเป็นยานยนต์ที่คุ้มค่ามากที่สุดต่อการลงทุน ทั้งสมรรถนะและเทคโนโลยีความปลอดภัยต่างๆ ที่จัดมาให้ เรียกได้ว่าไม่สร้างความวิตกกังวลให้กับผู้ขับขี่แม้แต่น้อย มีแต่เพียงความมั่นใจและความสนุกสนานในการเดินทาง
กับความเป็น CX-5 ที่เราคุ้นเคยกับเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ ที่ได้รับการยอมรับในวงการยานยนต์มาแล้วทั่วโลก ทั้งเครื่องยนต์ SKYACTIV-D และ SKYACTIV-G ระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด SKYACTIV DRIVE โครงสร้างตัวถัง SKYACTIV-BODY และระบบช่วงล่าง SKYACTIV-CHASSIS รวมไปถึงความสง่างามจากการออกแบบภายใต้ KODO DESIGN SOUL OF MOTION หรือ จิตวิญยาณแห่งการเคลื่อนไหวอันงดงาม ที่สามารถสัมผัสได้ถึงรูปลักษณ์ภายนอกใหม่ที่งดงาม และทรงพลัง ราวกับว่ารถยนต์คันนี้มีชีวิต หรูหรา ปราดเปรียว ในสไตล์ยูโรพรีเมี่ยม รวมไปถึงรูปลักษณ์ภายในใหม่ที่ถูกออกแบบอย่างประณีต ใช้วัสดุเกรดพรีเมี่ยมในทุกองค์ประกอบพร้อมมอบความเพลิดเพลิน และความสะดวกสบายแก่ผู้ขับขี่ และผู้โดยสารทุกคน อีกทั้งเรื่องของ SKYACTIV-VEHICLE DYNAMICS อีกขั้นของเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ ที่ผสานและควบคุมการทำงานของรถทั้งคัน ให้ทำงานสอดประสานกันอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อมอบประสบการณ์ความสนุกในการขับขี่ตามปรัชญา จินบะ-อิไต (Jinba-Ittai) ที่ผู้ขับขี่และรถประสานเป็นหนึ่งเดียวกัน และยังให้ผู้โดยสารสัมผัสถึงความสะดวกสบายตลอดการเดินทาง
นอกจากนั้นแล้ว ในตัว All-New CX-5 ยังเพิ่มในเรื่องของ i-ACTIVSENSE เทคโนโลยีความปลอดภัยเพื่อคุณและคนสำคัญ ซึ่งนับเป็นเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยระดับโลกที่สามารถคาดการณ์อย่างแม่นยำและส่งสัญญาณเตือนผู้ขับขี่ให้เพิ่มความระมัดระวังยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงจากการเกืดอุบัติเหตุได้รอบทิศทาง
ทันยุคทันสมัยไปกับระบบเชื่อมต่อโลกการสื่อสารด้วย MZD CONNECT ที่เชื่อมต่อทุกความสำเร็จแบบไร้ขีดจำกัด ล้ำหน้าไปกับเทคโนโลยีเชื่อมต่อออนไลน์ ไม่พลาดทุกการติดต่อ ทั้งเรื่องงาน และครอบครัว อัพเดทข้อมูลข่าวสารได้ตลอดการเดินทาง
เครื่องยนต์ที่ใช้มี 2 แบบคือ เครื่องยนต์คลีนดีเซล SKYACTIV-D 2.2 และเครื่องยนต์เบนซินแบบฉีดตรง SKYACTIV-G 2.0 เครื่องยนต์ทั้ง 2 ส่งผ่านกำลังไปยังเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด SKYACTIV-DRIVE ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ i-ACTIV AWD รุ่นใหม่ของมาสด้า และระบบช่วยประหยัดน้ำมัน i-stop (idling stop system) ระบบส่งกำลังนี้มีการเร่งที่มีพละกำลังคงที่ พร้อมกับการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยมและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้เครื่องยนต์คลีนดีเซล SKYACTIV-D ขนาด 2.2 ลิตรของมาสด้า ยกระดับเทคโนโลยี เช่น หัวฉีดแบบหลายรูซึ่งช่วยให้สามารถฉีดน้ำมันได้อย่างแม่นยำ และมีลูกสูบร่องรูปไข่ซึ่งช่วยรักษาสภาวะการเผาไหม้ให้สมบูรณ์ เพื่อให้ได้อัตราส่วนกำลังอัด 14.0:1 ซึ่งต่ำที่สุดในโลก* เครื่องยนต์คลีนดีเซลนี้ให้แรงบิดและสมรรถนะทางพลศาสตร์ที่น่าทึ่งด้วยการตอบสนองที่รวดเร็วที่รอบสูงและประหยัดน้ำมันได้ดีเยี่ยม
เทคโนโลยี 3 ประการถูกนำมาใช้กับ The ALL-NEW MAZDA CX-5 ครั้งแรก ได้แก่ ระบบควบคุมแรงดันบูสต์เทอร์โบที่แม่นยำสูง (High-Precision DE Boost Control) ระบบปรับเสียงธรรมชาติ (Natural Sound Smoother) และระบบควบคุมความถี่เสียงธรรมชาติ (Natural Sound Frequency Control) ทั้งหมดนี้เป็นการพัฒนาสมรรถนะการขับขี่และความเงียบ
ส่วน SKYACTIV-G เป็นรุ่นของเครื่องยนต์เบนซินแบบฉีดตรงที่มีประสิทธิภาพสูงของมาสด้า มีอัตราส่วนการอัดสูงเพื่อให้ได้สมรรถนะสูงและประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม รุ่น 2.0 ลิตร ใช้ลูกสูบแบบมีโพรงซึ่งช่วยลดการสูญเสียความร้อน หัวฉีดแบบหลายรูทำให้เกิดส่วนผสมของเชื้อเพลิงและอากาศที่สม่ำเสมอ และระบบไอเสีย 4-2-1 ซึ่งช่วยลดความต้านทานไอเสียและช่วยให้การเผาไหม้มีประสิทธิภาพสูง
ความโดดเด่นที่ช่วยให้ผู้ขับขี่ไม่เมื่อยล้าจนเกินไป และผู้โดยสารนั่งได้อย่างสบายนอกจากเบาะหลังที่ปรับพับได้หนึ่งระดับแล้ว ในส่วนของระบบกันสะเทือนของ All-New CX-5 สามารถซึมซับการสั่นสะเทือนได้เป็นอย่างดี แม้จะอยู่ในย่านความเร็วสูง (ลองในระยะทางสั้นๆ กับความเร็วมากกว่า 190 กม./ชม.) ความนิ่งของตัวรถ และระบบเก็บเสียงสามารถทำได้ดีไม่มีที่ติ การทรงตัวที่เสถียร พวงมาลัยที่ให้ความกระชับและแม่นยำ โดยที่ระบบกันสะเทือนของ The ALL-NEW MAZDA CX-5 เป็นแบบแม็กเฟอร์สันสตรัทในด้านหน้า และระบบมัลติลิงค์ที่ด้านหลัง เส้นผ่านศูนย์กลางของลูกสูบในช็อคอัฟซอฟเบอร์หน้าถูกเพิ่มให้ใหญ่ขึ้น เพื่อให้การตอบสนองเชิงเส้นมากขึ้นต่อการบังคับอันเป็นผลให้พฤติกรรมของรถราบเรียบขึ้นเมื่อหมุนพวงมาลัยอย่างรวดเร็ว การหาความเหมาะสมของลักษณะจำเพาะของการหน่วงและพฤติกรรมของมวลเหนือสปริงยังให้ลักษณะจำเพาะของการโคลง (Roll) ตอนขับรถเข้าสู่โค้ง ตลอดจนรักษาเสถียรภาพของลำตัวรถเมื่อเข้าโค้ง มาตรการอื่นที่ใช้เพื่อปรับระบบรองรับด้านหน้ามีการใช้บุชลูกยางที่มีของเหลวภายในสำหรับระบบกันสะเทือนด้านหน้า เพื่อลดความรู้สึกหน้าลอยที่คนขับรู้สึกได้และการสั่นสะเทือนอันไม่พึงประสงค์ที่ผู้โดยสารรู้สึกได้เมื่อรถเกิดอาการโคลง
บทสรุปของการเดินทางในทริปนี้ อย่างที่บอกกล่าวไว้ว่า เจ้า All-New CX-3 คันนี้ นอกจากสมรรถนะที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ขับขี่ได้เป็นอย่างดีแล้ว ในเรื่องของเทคโนโลยีต่างๆ ในเรื่องของการสร้างความมั่นใจในการขับขี่ยังคงมีอย่างเต็มเปี่ยม ซึ่งรวมไปถึงเทคโนโลยี i-ACTIVSENSE ที่สามารถคาดการณ์ได้อย่างแม่นยำและส่งสัญญาณเตือนให้ผู้ขับขี่เพิ่มความระมัดระวังยิ่งขึ้น เทคโนโลยี MRCC (Mazda Radar Cruise Control) ที่จะช่วยปรับระยะห่างที่ปลอดภัยจากรถคันหน้า รวมถึงเทคโนโลยี G-vectoring control ที่คอยช่วยควบคุมสมรรถนะในการขับขี่ให้แม่นยำและมีความสมดุล
หากคุณได้ลองแล้วจะหลงใหลในยนตรกรรมตัวนี้