นับว่าเป็นอีกหนึ่งรถกระบะขาลุยที่ออกแบบมาเพื่อความสมบุกสมบันแบบครบเครื่อง โดยได้รับ DNA จาก ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ทำให้มีความโดดเด่นที่ชัดเจนมากขึ้นทั้งภายนอกและภายใน ซึ่งความพิเศษของฟอร์ด เรนเจอร์ FX4 Max จะมีอะไรบ้างมาดูกัน
ปรับเพิ่มความดุดัน
ฟอร์ด เรนเจอร์ FX4 Max ใหม่ ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ทำให้มีความโดดเด่นตั้งแต่ภายนอกด้วยกระจังหน้าสะกดด้วยตัวพิมพ์ใหญ่ F-O-R-D ตามแบบฉบับของฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์
พร้อมอุปกรณ์ตกแต่งภายนอกสีเทาเข้มตั้งแต่ฝาครอบกระจกมองข้าง มือจับประตู ซุ้มล้อไปจนถึงกันชนท้าย ด้านหลังตกแต่งด้วยโรลบาร์สีดำยาวทอดตลอดกระบะท้าย บันไดข้างได้รับการออกแบบใหม่ให้ดูเท่และดุดัน พร้อมพื้นผิวกันลื่นสำหรับการใช้งานออฟโรด
เสริมสมรรถนะและความสมบุกสมบัน ด้วยการปรับจูนระบบกันสะเทือนและช่วงล่างใหม่เพื่อตอบสนองการขับขี่ออฟโรดที่ดีเยี่ยม พร้อมยางออลเทอร์เรน KO2 จาก BF Goodrich เช่นเดียวกับรถกระบะดีเอ็นเอฟอร์ด เพอร์ฟอร์มานซ์ อย่างฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ด้วยยางขนาด 265/70 R17 มอบความมั่นคงในการยึดเกาะถนนที่มีพื้นผิวขรุขระ
และพื้นผิวด้านข้างที่คงทนยิ่งขึ้น เข้ากับล้ออัลลอยขนาด 17 x 8 นิ้ว ทั้งด้านหน้าและหลัง ออฟเซ็ท +42 มม. ทำให้ฐานล้อกว้างขึ้นถึง 26 มม. ขณะที่ล้ออะไหล่เป็นล้ออัลลอยพร้อมยางออลเทอร์เรนเช่นกัน ล้ออัลลอยของฟอร์ด เรนเจอร์ FX4 Max ใหม่ โดดเด่นด้วยสีเทาเข้มดุดัน ซึ่งเป็นสีเดียวกับกระจังหน้า และรายละเอียดภายนอก พร้อมติดตั้งคิ้วล้อดีไซน์ใหม่เพื่อเน้นความโดดเด่นของฐานล้อที่กว้างขึ้น
พัฒนาระบบช่วงล่าง เพื่อตอบสนองความต้องการของขาลุย
สำหรับใครที่มองว่าระบบช่วงล่างของรถกระบะไม่เพียงพอต่อการลุยหนักๆ ลองมาสัมผัสกับฟอร์ด เรนเจอร์ FX4 Max ใหม่ ดู…แล้วจะรู้ว่าอุปสรรคโหดๆ จะไม่ยากอย่างที่คิด เพราะช่วงล่างของฟอร์ด เรนเจอร์ FX4 Max ใหม่
พร้อมพิชิตเส้นทางสมบุกสมบันด้วยระบบกันสะเทือน FOX Shock แบบโมโนทิวบ์ขนาด 2 นิ้ว ทั้งด้านหน้าและหลัง โดยโช้คหลังมาพร้อมกับ Sub-Tank ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซับแรงกระแทกและเพิ่มความทนทานในการใช้งานแบบออฟโร้ด
ผสานกับคอยล์สปริงด้านหน้าที่มีการปรับจูนใหม่และการควบคุมความสะเทือนด้านหลังแบบโช้คไขว้เพื่อรองรับการบรรทุกสัมภาระ ด้านแหนบรองน้ำหนักได้รับการพัฒนาให้เหมาะทั้งกับการขับขี่แบบออฟโรดและยังพร้อมรับน้ำหนักในการบรรทุกและลากจูง
ด้วยระบบกันสะเทือนที่ยกสูงขึ้น 20 มม. บวกกับการใช้ยางออลเทอร์เรน ทำให้ฟอร์ด เรนเจอร์ FX4 Max ใหม่ มี ระยะต่ำสุดจากพื้น (Ground clearance) ยกสูงจากพื้นถนนมากถึง 256 มม. ซึ่งสูงกว่ารุ่น XLT ยิ่งไปกว่านั้น ฟอร์ด เรนเจอร์ FX4 Max ใหม่ ยังมีมุมเงยและมุมจากที่ถูกยกระดับขึ้นจากรุ่น XLT เพื่อตอบสนองการทำงานของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อได้อย่างเต็มที่
ด้านระบบส่งกำลัง ฟอร์ด เรนเจอร์ FX4 Max ใหม่ ทำงานด้วยขุมพลังเดียวกับฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ด้วยเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.0 ลิตร พร้อมเทอร์โบคู่ ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ให้กำลังสูงสุด 213 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร สามารถบรรทุกน้ำหนักได้ถึง 981 กก. และลากจูงได้สูงสุดถึง 3,500 กก.
ภายในสไตล์ออฟโรด แฝงด้วยเทคโนโลยีลำสมัย
ภายในห้องโดยสารของฟอร์ด เรนเจอร์ FX4 Max ใหม่ มาพร้อมกับการออกแบบอันโดดเด่น จากบันไดข้างโลหะสีดำแบบออฟโรดพร้อมผิวกันลื่น จนถึงชุดผ้ายางปูพื้นภายในห้องโดยสารที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานแบบออฟโรดโดยเฉพาะ
เบาะนั่งพิเศษเฉพาะฟอร์ด เรนเจอร์ FX4 Max ใหม่ ใช้วัสดุหนังแท้ หนัง Alcantara และหนังสังเคราะห์ใหม่ที่แตกต่างจากรุ่นอื่นๆ รวมถึงการปักสัญลักษณ์ FX4 Max ที่เป็นเอกลักษณ์บนเบาะคู่หน้า
แป้นเหยียบคันเร่งสไตล์สปอร์ตแบบเดียวกับฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ไปจนถึงพวงมาลัยหุ้มด้วยหนังสีดำ สีเดียวกับลวดลายตกแต่งแผงคอนโซลและขอบประตู ยกระดับความโดดเด่นและความรู้สึกที่โฉบเฉี่ยวดุดัน
ฟอร์ด เรนเจอร์ FX4 Max มาพร้อมกับหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว มาพร้อมระบบนำทาง และระบบเชื่อมต่อ Apple CarPlay ผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ ด้านบนแผงคอนโซลของ FX4 Max ใหม่
พร้อมรองรับการใช้งานของคนรักการขับขี่แบบออฟโรดตัวจริง ด้วยช่องต่อพ่วงอุปกรณ์ออฟโรด Upfitter Switch พร้อมช่องต่อ AUX 6 ตำแหน่ง
เพิ่มความสะดวกในการเชื่อมต่อและควบคุมการใช้งานอุปกรณ์เสริมต่างๆ อาทิ ชุดไฟ วินซ์ และไฟสปอตไลท์ พร้อมติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาด 250 แอมป์ เพื่อรองรับการจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์เสริม ลดการพึ่งพาแบตเตอรีภายในรถ
เข้าสู่บททดสอบฟอร์ด เรนเจอร์ FX4 Max เริ่มต้นด้วยการทดสอบอัตราเร่ง ทันทีที่เหยียบคันเร่งออกตัว ขุมเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.0 ลิตร พร้อมเทอร์โบคู่ ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ให้กำลังสูงสุด 213 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร
สร้างความเร้าใจได้อย่าต่อเนื่องรวดเร็ว ไม่มีอาการแร็คของเทอร์โบให้รำคาญใจ ในด้านการทำงานของเกียร์ 10 สปีด มีจังหวะเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างนุ่มนวลต่อเนื่อง
ในด้านการควบคุมพวงมาลัยแบบไฟฟ้า (EPAS) สามารถสั่งการระบบช่วงล่างได้อย่างแม่นยำและลงตัว แม้ในช่วงการหักพวงมาลัยเปลี่ยนเลนกระทันหันระบบความปลอดภัยอันชาญฉลาดสามารถตอบสนองได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่มีอาการสะบัดหรือท้ายโยนให้รู้สึกหวิวแต่อย่างใด
ปิดท้ายด้วยการทดสอบความนุ่มนวลของระบบช่วงล่าง เราได้ลองใช้ความเร็วในการเข้าโค้งในรูปแบบต่างๆ อาทิโค้งแคบ โค้งกว้าง และโค้งตัวเอส ระบบกันสะเทือน FOX Shock แบบโมโนทิวบ์ขนาด 2 นิ้ว ทั้งด้านหน้าและหลัง โดยโช้คหลังมาพร้อมกับ Sub-Tank สามารถสร้างการกระจายเสถียรภาพในการเข้าโค้งได้อย่างไม่มีที่ติ และสามารถรับกับเครื่องยนต์ขนาด 213 แรงม้าได้อย่างลงตัว